Page 188 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 188
6. กรณีที่มีการตกเลือดรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยการใช้ยาหรือการผาตัดแบบอนุรักษ์
่
(conservative surgery) อาจจำเป็นต้องได้รับการตัดมดลูก
7. มีรายงานทารกพิการแต่กำเนิดที่สัมพันธ์กับเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก แต่พบน้อยมาก เป็นผล
จาก submucous myoma ขนาดใหญ่กดเบียด uterine cavity ได้แก่ limb malformation,
(17)
dolichocephaly และ torticollis
II. การดูแลในช่วงก่อนคลอด
แนะนำให้ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นระยะ เพื่อติดตามขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้องอก
รวมทั้งติดตามการเจริญเติบโต และส่วนนำของทารก
ปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาส และแนวทางการดูแล
รักษา มีดังนี้
ไตรมาสแรก
1. เนื่องจากเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก จะโตมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรก ดังนั้นมารดาควรได้รับ
การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อติดตามขนาดก้อนว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ มากน้อย
เพียงใด ก้อนยิ่งโตโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการปวดสูงขึ้น
2. ควรเฝ้าระวังมารดาที่มีความเสี่ยงต่อการแท้งสูง ได้แก่ ก้อนเนื้องอกชนิด submucous หรือ
intramural ที่ตำแหน่ง uterine body หรือมีเนื้องอกหลายก้อน
ไตรมาสที่สองและสาม
1. อาการปวดบริเวณก้อน
เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดโดยมักเกิดในช่วงไตรมาสที่สองและสาม ก้อนที่มีขนาดใหญ่
(9)
(มากกว่า 5 เซนติเมตร) มีโอกาสเกิดสูงกว่าก้อนขนาดเล็กโดยบางรายอาจมีไข้ คลื่นไส ้
็
ื
ิ
อาเจียน ร่วมด้วย และผลการตรวจทางห้องปฏบัติการอาจพบเม็ดเลอดขาวสูงขึ้นเลกน้อย (1, 8,
18, 19) อาการปวดส่วนใหญ่เกิดจาก red degeneration อธิบายจากสมมตฐานดังนี้ 1) ก้อนท ี่
ิ
ี่
โตเร็ว ทำให้เนื้องอกขาดเลือดไปเลี้ยง (infarction) และเกิดเนื้อตาย (necrosis) 2) มดลูกทโต
ขึ้น ทำให้รูปทรงเปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้เกิดการพับงอของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก
ส่งผลให้เนื้องอกขาดเลือดไปเลี้ยงและเกิดเนื้อตาย 3) เกิดจากการหลั่ง prostaglandins จาก
เซลล์ที่ถูกทำลาย นอกจากนี้อาการปวด อาจเกิดจากการบิดขั้วของเนื้องอกในกรณีที่เป็น
(9)
pedunculated fibroid
Management of Myoma Uteri in Pregnancy 172

