Page 13 - อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
P. 13
-3
สลำย H O จะเกิดช้ำ ถ้ำเติมฟอสเฟส (PO ) เป็นตัวขัดขวำงปฏิกิริยำไม่ให้เกิด H O และ O เร็ว
4
2 2
2
2
ดังนี้
PO −3
4
H O (l)→ H O(l) + 1/2O (g) กำรเติมโซเดียมเบนโซเอต (C H COONa) ลงในอำหำรส ำเร็จรูป
2 2
6 5
2
2
เพื่อปองกันกำรบูดเน่ำของอำหำรแสดงว่ำโซเดียมเบนโซเอตเป็นตัวขัดขวำงปฏิกิริยำ
้
ผลของตัวหน่วงปฏิกริยำต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี
ิ
ิ
ิ
ี
สำรเคมีทท ำให้ปฏิกริยำเคมีเกิดช้ำลง
เรียกว่ำตัวหน่วงปฏิกิริยำตัวหน่วงปฏิกิริยำ
ไปท ำให้ปฏิกริยำเกิดช้ำลงเพรำะไปเพิ่มค่ำ
ิ
พลังงำนก่อกัมมันต์
Ea คือพลังงำนก่อกัมมันต์ของ
1
ปฏิกิริยำที่ไม่ตัวหน่วงปฏิกริยำ
ิ
่
Ea คือพลังงำนกอกัมมันต์ของ
2
ิ
ปฏิกิริยำที่มีตัวหน่วงปฏิกริยำ
ั
กราฟที่ 7 กรำฟแสดงผลของตัวหนวงปฏิกิริยำต่ออตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ
่
เคมี
5.5 ธรรมชาติของสารตั้งต้น (reactant) และผลิตผล (product)
ี่
ปฏิกิริยำจะเกิดขึ้นช้ำหรือเร็วขึ้นอยู่กับธรรมชำติของสำร เช่น สำรทท ำปฏิกิริยำเป็น
ั้
ก๊ำซทงคู่จะทำปฏิกิริยำได้เร็วกว่ำปฏิกิริยำที่สำรอยู่ในสถำนะต่ำงกันชนิดของพันธะจะมีผลด้วย
กล่ำวคือสำรแต่ละชนิดมีพันธะที่ยึดเหนี่ยวระหว่ำงกันแตกต่ำงกันไป ซึ่งอำจเป็นพันธะโลหะที่มีควำม
แข็งแรงมำก พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดจำกระหว่ำงโลหะและอโลหะมีควำมแข็งแรงปำนกลำง และพันธะ
แวนเดอร์วำลล์ ซึ่งเป็นพันธะที่มีควำมแข็งแรงน้อยที่สุด ดังนั้น
สำรตั้งต้นมีพันธะที่แข็งแรงก็จะท ำให้เกิดปฏิกริยำเคมีได้ยำก (อัตรำกำร
ิ
ิ
เกิดปฏิกริยำเคมีช้ำ) ในทำงตรงกันข้ำมถ้ำมีพันธะที่ไม่แข็งแรงมำก ก็จะท ำให้เกิดปฏิกริยำเคมีได้ง่ำย
ิ
(อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีเกิดได้เร็ว) ซึ่งนอกจำกดูพันธะแล้วจะต้องดูโครงสร้ำงของสำรด้วย ถ้ำ
โครงสร้ำงไม่สลับซับซอนก็จะเกิดปฏิกิริยำเคมีได้ง่ำย
้
ั้
ิ
กำรเกิดก๊ำซแอมโมเนีย จะพบว่ำเกิดปฏิกริยำเคมีได้ยำก เนื่องจำกทงก๊ำซไนโตรเจน
๊
และก๊ำซไฮโดรเจน เป็นกำซที่เสถียรอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ำต้องกำรก๊ำซแอมโมเนีย ก็จะต้องท ำลำยพันธะ
ั
ิ
เดิมระหว่ำง ก๊ำซไนโตรเจนและกำซไฮโดรเจน ซึ่งต้องใช้พลงงำนจ ำนวนมำก ดังนั้นปฏิกริยำนี้จึง
๊
เกิดขึ้นได้ยำก

