Page 25 - หนังสือการเลี้ยงโคเนื้อ
P. 25
การเลียงโคเนือ 20
้ ้
่
่
่
่
้
ขั้นที่ 2 ได้มีการรวมสัตว์ทีดีทีสุดจากกลุ่มนีเข้าด้วยกันจ านวนไมกีฝูงแล้วหยุดนาสัตว์จาก
่
ภายนอกมาใช้ผสม ใช้การผสมแบบเลือดชิดจนสัตว์ในฝูงมีความแตกต่างจากสัตว์ฝูงอืนในท้องถิ่นทั้ง
ลักษณะภายนอกและความสามารถในการถ่ายทอดลักษณะทีต้องการ
่
ขั้นที่ 3 ถ้าสัตว์ในฝูงเปนทีนิยมของผู้อืนก็จะมีผู้เลี้ยงเพิ่มมากขึน จ านวนฝูงทีเลี้ยงก็ขยายตัวมาก
็
่
่
้
่
ขึน
้
็
ขั้นที่ 4 เกิดความจ าเปนทีจะต้องมีการใช้สมุดพันธุ์ประวัติร่วมกัน
่
็
้
่
ขั้นที่ 5 มีการจัดตั้งเปนสมาคมเพือปองกันความบริสุทธิ์ของสายเลือดของสัตว์ดังกล่าว ท าการ
ุ
บันทึกในสมดพันธุ์ประวัติ และส่งเสริมให้เกิดความสนใจร่วมกันในหมูผู้ปรับปรุงพันธุ์ ในป พ.ศ. 2450
ี
่
็
สมาคมโคต่างๆทั้งโคเนือและโคนมได้ร่วมกันจัดตั้งเปน “สมาคมผู้ปรับปรุงพันธุ์โคแห่งชาติ(The
้
้
National Cattle Breeders’ Association)” ขึน
ภาพเขยนของแม่โคอายุ 7 ป ในป
ี
ี
ี
พ.ศ. 2354 ทถูกนาไปแสดงทั่ว
ี่
ประเทศอังกฤษว่าเปนโคเนอพันธุ์
็
้
ื
ชอร์ทฮอร์นทมีลักษณะด โคอังกฤษ
ี่
ี
จึงมีลักษณะคอนข้างอวน รูปทรง
่
้
สเหลยมแนนตัน
่
ี่
ี่
พันธุแองกัส (Angus)
์
โคพันธุ์แองกัส หรือ อเบอร์ดีแองกัส
(Aberdeen-Angus) เริ่มก าเนิดในต้นคริส
ศตวรรษที 18 โดยสร้างและปรับปรุงพันธุ์
่
จากสายพันธุ์ต่างๆในเขต(country)อเบอร์ดีน
และเขตแองกัสทางตะวันออกเฉียงเหนือของ
สก๊อตแลนด์
่
้
ส่วนใหญ่โคพันธุ์นีจะไมมีเขา(polled)
หนังและขนสีด า หัวเล็กและยาวปานกลาง
้
หัวด้านบนกว้าง จมูกกว้าง ล าตัวยาวและลึก เนือสันนอกกว้างและส่วนหลัง (hindquarter) ยาว กว้าง ขา
่
ค่อนข้างสั้นและกระดูกค่อนข้างเล็ก พ่อโคหนัก 1,000 ถึง 1,600 กิโลกรัม แมโคหนัก 700 ถึง 900
กิโลกรัม
ประมาณปพ.ศ. 2508 ถึง 2513 โคแองกัสได้ถูกปรับปรุงให้มีรูปร่างยาวและมีเนือมากขึ้นตาม
ี
้
้
ุ
่
ั
ลักษณะโคเนือแผนใหม ปจจบันโคพันธุ์นีมีชือเสียงทางด้านโตเต็มวัยเร็ว (early maturity) เปนโคทีมี
่
้
็
่
ขนาดกลาง มีนาหนักแรกเกิดเฉลีย 30 ถึง 33 กิโลกรัม เนืองจากมีหัวเล็กและไม่มีเขาจึงท าให้คลอดง่าย
้
่
่
้
กลุ่มวิจัยและพัฒนาโคเนือ กองบ ารุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์

