Page 14 - ปกงานวิจัย
P. 14

ื่
                              จากตัวลวงอน ๆ และค าถามแบบเลือกตอบที่ดีนิยมใช้ตัวเลือกที่ใกล้เคียงกน ดูเผิน ๆจะเห็น
                                                                                           ั
                                                                                     ้
                       ว่า ทุกตัวเลือกถูกหมดแต่ความจริงมี น้ าหนักถูกมากน้อยต่างกันการที่ครูผู้สอนจะเลือกออกข้อสอบ
                       ประเภทใดนั้นต้องพจารณาข้อดี ข้อจ ากัด ความเหมาะสมของแบบทดสอบกับเนื้อหาหรือจุดประสงค์
                                       ิ
                       ในการเรียนรู้

                              สรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบ่งได้ 2 ประเภท คือ แบบทดสอบ

                       มาตรฐาน    ซึ่งสร้างจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและด้านวัดผลการศึกษา มีการหาคุณภาพเป็นอย่างดี
                                                                   ื่
                            ี
                       ส่วนอกประเภทหนึ่ง คือแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้น เพอใช้ในการทดสอบในชั้นเรียน ในการออกแบบ
                                                            ื่
                       ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนค าศัพท์เพอการสื่อสาร ผู้วิจัยได้เลือกแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
                       แบบปฏิบัติ ในการวัดความสามารถในการน าค าศัพท์ไปใช้ในการสื่อสารด้านการการพูดและการเขียน

                       และเลือกแบบทดสอบแบบเขียนตอบที่จ ากัดค าตอบโดยการเลือกตอบจากตัวเลือกที่ก าหนดให้ ใน

                       การวัดความรู้ความเข้าใจความหมายของค าศัพท์      และการน าค าศัพท์ไปใช้ในการฟังและการอาน
                                                                                                      ่

                       4. หลักในการเขียนแบบทดสอบแบบเลือกตอบ (Multiplechoice test)

                              สมนึก ภัททิยธนี (2553, หน้า 82-96) กล่าวถึง หลักการเขียนแบบทดสอบชนิดเลือกตอบไว

                       ดั้งนี้

                              1)  เขียนตอนน า  ให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์แล้วใส่เครื่องหมายปรัศนีไม่ควรสร้างตอนน า  ให้

                       เป็นแบบอ่านต่อความเพราะท าให้ค าถามไม่กระชับ  เกิดปัญหาสองแง่หรือข้อความไม่ต่อกัน  หรือเกิด

                       ความสับสนในการคิดหาค าตอบ

                                                                           ื่
                              2)..เน้นเรื่องจะถามให้ชัดเจนและตรงจุดไม่คลุมเครือเพอว่าผู้อ่านจะไม่เข้าใจไขว้เขวสามารถ
                               ิ
                       มุ่งความคดในคา ตอบไปถูกทศทาง (เป็นปรนัย)
                                               ิ
                                               ี
                              3)ควรถามในเรื่องที่มคุณค่าต่อการวัดหรือถามในสิ่งที่ดีงามมีประโยชน์คา ถามแบบเลือกตอบ
                       สามารถถามพฤติกรรมในสมองได้หลาย  ๆ  ด้านไม่ใช่ถามเฉพาะความจาหรือความจริงตามตา  ราแต่

                       ต้องถามให้คิดหรือน าความรู้ที่เรียนไปใช้ในสถานการณ์ใหม่

                              4) หลีกเลี่ยงค าถามปฏิเสธถ้าจ าเป็นต้องใช้ก็ควรขีดเส้นใต้ค า ปฏิเสธแต่ค า ปฏิเสธซ้อนไมควร
                                                                                                      ่
                       ใช้อย่างยิ่งเพราะปกตินักเรียนจะยุ่งยากต่อการแปลความหมายของค าถามและค าตอบค าถามที่ถาม

                       กลับหรือปฏิเสธซ้อนผิดมากกว่าถูก

                                           ่
                                         ้
                              5)  อย่าใช้ค าฟมเฟือยควรถามปัญหาโดยตรงสิ่งใดไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้ใช้เป็นเงื่อนไขในการ
                          ็
                       คิดกไม่ต้องน ามาเขียนไว้ในค าถามจะช่วยให้ค าถามรัดกุมชัดเจนขึ้น
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19