Page 26 - ประวัติศาสตร์การสงคราม บทที่ 6-9
P. 26

26




                                      ี
                                           ี่
                                                                                                    ู้
            แนวตั้งรับข้ามคาบสมุทรเกาหล วันท 23 มิ.ย. 1951 โซเวียตเสนอให้มีการหยุดยิงในระยะหกเดือนในการสรบ
            จีนคอมมิวนิสต์ได้รับความเสียหายอย่างมากมาย สูญเสียทหารประมาณ 200,000 คน และยุทโธปกรณ์เป็น
            จำนวนมหาศาลกองทัพอากาศสหรัฐโจมตีอย่างหนักจนไม่สามารถใชสนามบินทางใต้ของแม่น้ำยาลูไดผแทนทง
                                                                    ้
                                                                                                      ั้
                                                                                                ู้
                                                                                               ้
                                                                                 ้
                                                                                                ็
                                                                          ี
            สองฝ่ายประชุมกันที่เคซองในเดือน ส.ค.-พ.ย. 1951 กองทหารของแวนฟลทกวาดลางสามเหลี่ยมเหลก ขับไล ่
            ทหารจีนถอยร่นจากอ่างเก็บน้ำฮัวซอน (Huichon) และทางรถไฟซอร์วาน-โซล ทำให้คอมมิวนิสต์เรียกร้องให้มี
            การหยุดยิงทันทีการเจรจาที่ชะงักงันมาระยะหนึ่งก็เริ่มต้นใหม่ในหมู่บ้านปันมุนจอม ใน 12 พ.ย. 1951
                    ขณะที่การเจรจาที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjon) โอ้เอ้อยู่นั้น ปฏิบัติการทางทหารย่อย ๆ ก็เกิด
            ขึ้นอยู่เสมอตามแนวรบ นายพลริดจ์เวย์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองทัพนาโต (NATO) และนายพลมาร์ค

            ดับเบิลยู คลาร์ก (Gen. Mark W. Clark) เข้ามารับตำแหน่งแทน คอมมิวนิสต์เสริมสร้างกำลังของตนตลอดเวลา
            ประมาณสิ้นปี กำลังทหารของคอมมิวนิสต์มีถึง 800,000 คนในเกาหล สามในสี่เป็นทหารจีน โซเวียตก็ส่งปืนใหญ่
                                                                    ี
            สนามเข้ามารวมทั้งปืนต่อสอากาศยานควบคุมการยิงด้วยเรดาร์แต่การที่สหประชาชาตสามารถครองอากาศได
                                                                                                       ้
                                  ู้
                                                                                   ิ
            ก็ไม่ถูกคุกคามที่ร้ายแรงนัก
                    ในวันที่ 28 มีนาคม 1953 คอมมิวนิสต์ยินยอมที่จะทำความตกลงในเรื่องเชลยศึก และได้มีการ

            แลกเปลี่ยนเชลยศึกคอมมิวนิสต์ 5,800 คน กับทหารเกาหลีใต้ 471 คน สหรัฐ 149 คน และชาติอื่น ๆ 64 คน
            ในวันที่ 10-31 มิถุนายน 1953 จีนคอมมิวนิสต์ทำการรุกครั้งใหม่อีกครั้งต่อทหารเกาหลีใต้ แต่ทำให้

            สหประชาชาติเสริมกำลังต่อต้านทันที ทำให้คอมมิวนิสต์สูญเสียทหารไปประมาณ 70,000 คน การเจรจา
            ดำเนินต่อไป จนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 ได้มีการลงนามในสัญญาสงบศึก แบ่งประเทศออกเป็น

            เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตามแนวเส้นขนานที่ 38 ตามเดิม เชลยศึกที่ต้องการกลับประเทศมีคอมมิวนิสต  ์

            7,700 คน ทหารสหประชาชาติ 12,700 คน เป็นสหรัฐ 3,597 คน อังกฤษ 945 คน
                    ผลของการรบ

                    สงครามเกาหลีทำให้สหประชาชาติสูญเสียทหารไปดังนี้ ตาย 108,505 คน บาดเจ็บ 264,591 คน

            ถูกจับเป็นเชลย 92,987 คน คอมมิวนิสต์เสียทหารไปประมาณ 1,600,000 คน ร้อยละ 60 เป็นทหารจน
                                                                                                      ี
            คอมมิวนิสต เกาหลีใต้ตาย 70,000 คน บาดเจ็บ 150,000 คน ถูกจับเป็นเชลย 80,000 คน
                      ์
                    ในการรบทางอากาศ เครื่องบินคอมมิวนิสต์ถูกทำลาย 1,108 ครั้ง รวมมิก-15 จำนวน 838 เครื่อง

            และได้รับความเสียหายอีก 1,022 เครื่อง เสียหายอย่างหนัก 177 เครื่อง สหรัฐเสียเครื่องบิน 114 เครื่อง
            อัตราการสูญเสีย มิก-15 จำนวน 13 เครื่อง ต่อ เอฟ-16 หนึ่งเครื่อง เครื่องบินสหประชาชาติที่สูญเสียเพราะถูก

            ยิงจากอาวุธต่อส อากาศยาน ในการสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิด จำนวน 1,213 เครื่อง
                          ู้
                                   ี่
                    เชลยศึก  กองทัพท 8 ได้เผชิญกับปัญหาเชลยศึก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง ในปลาย ค.ศ.1950
            เมื่อกองทัพเกาหลีถูกทำลายไปแล้ว ปรากฏว่าเชลยเกาหลีเหนือที่อยู่ในความอารักขาของสหประชาชาต มี
                                                                                                     ิ
            จำนวนถึง 100,000 คน จำนวนนี้ได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ เมื่อการรบได้ดำเนินต่อไป เพราะทหารเกาหลเหนือและ
                                                                                               ี
            ทหารจีนคอมมิวนิสต์ได้ถูกจับเป็นเชลยเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เชลยเหล่านี้ได้ถูกควบคุมไว้บนเกาะโคเจ

            Koje ห่างจาก ปูซานไปทางตะวันออกเฉียงใต 30 ไมล ในปลายปี ค.ศ.1951 ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นพวกเชลย
                                                  ้
                                                         ์
            ศึกหลายพื้นที่ด้วย เนื่องจากเชลยศึกเป็นคอมมิวนิสต์พยายามที่จะใช้อิทธิพลครอบงำเชลยศึกที่ไม่ใช ่
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31