Page 21 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 21

19

สงครามสมเด็จพระไชยราชาธิราชพระราชทานที่ดินให้ชาวโปรตุเกสที่ช่วยรบสร้างบ้านเรือนและโบสถ์คริสต์
ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาดา้ นใต้ของเกาะเมอื งพระนครศรีอยุธยา เปน็ สงครามคร้งั ที่ 1

      ต่อมาสมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จสวรรคตในปีมะเมีย พ.ศ.2089 กรุงศรีอยุธยาเกิดจราจลวุน่ วาย
ภายในพระนครเนื่องจากท้าวศรีสดุ าจันทร์พระสนมเอกของสมเดจ็ พระไชยราชาธิราชมสี ัมพันธ์กับพันบตุ รศรี
เทพแลว้ แต่งตั้งให้เปน็ ขนุ วรวงศาธริ าชว่าราชการแผน่ ดนิ ปลงพระชนมพ์ ระแก้วฟา้ (บางแหง่ เรียกพระยอดฟ้า)
แล้วท้าวศรีสุดาจันทร์ก็สถาปนาขุนวรวงศาธิราชขึ้นครองราชย์ เอาราชสมบัติครองราชย์อยู่ได้ 42 วัน
พวกขุนนางมีขุนพิเรนทรเทพเป็นหัวหน้าพร้อมใจกันจับคนทั้งสองประหารชีวิตเสีย แล้วยกพระเทียรราชา
อนุชาต่างพระมารดาของสมเด็จพระไชยราชาธิราชขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหา
จักรพรรดิ เมื่อปีวอก พ.ศ. 2091 ข่าวจลาจลวุ่นวายในพระนครศรีอยุธยาครั้งนี้รู้ไปถึงพม่าพระเจ้าตะเบง
ชเวต้ี จงึ ฉวยโอกาสยกกองทพั มาตีกรุงศรอี ยุธยาเปน็ สงครามครัง้ ที่ 2 ในปี 2091 พม่า ได้จัดทพั ทหาร 3 หม่ืน
ช้างศึก 3 ร้อย ม้าศึก 2 พันตัว แบ่งเป็น 4 กองทัพ (กองทัพพระเจ้าตะเบงชเวตี้ กองทัพบุเรงนอง กองทัพ
พระเจ้าแปร กองทัพพระยาพะสิม) ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เข้าเมืองกาญจนบุรี จับกรมการเมือง
มาสอบถามจงึ ทราบวา่ หลังจากพระมหาจักรพรรดไิ ดข้ ้นึ ครองราชย์บ้านเมืองก็สงบดี แตพ่ ระเจ้าหงสาวดีได้ยก
ทพั มาแลว้ จะถอยกลับก็กระไรอยู่ จงึ ขอเข้าไปชานเมืองเพือ่ ใหช้ าวอยธุ ยาได้เกรงขาม เดินทางเข้าป่าโมกแล้ว
ตั้งค่ายหลวงท่ที ุ่งลมุ พลีอยู่ 3 วัน จากน้ันจึงยกทัพกลับไปกรุงหงสาวดี ข้ามแมน่ ำ้ เจ้าพระยาบริเวณบ้านโผงผาง
สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ ทรงยกกองทัพออกไปตรวจดูข้าศกึ ท่ที งุ่ ภเู ขาทองทรงเครอื่ งอลงั การยุทธและได้เสด็จ
ทรงช้างต้นพลายแก้วจักรพรรดิเป็นพระคชาธาร มีพระสุรโิ ยทัยเอกอัครมเหสีเสด็จมาด้วย ทรงใส่ชุดพระมหา
อุปราชเสด็จทรงช้างพลายทรงสุริยกษัตริย์เปน็ พระคชาธาร ส่วนพระโอรส (พระราเมศวรและพระมหินทราธิ
ราช)ได้ทรงช้างต้นพลายมงคลจักรพาฬและช้างต้นพลายพิมานจักรพรรดิตามลำดับ ทางฝ่ายพระเจ้าตะเบง
ชะเวตี้ได้ทรงช้างพลายมงคลทวีป และพระเจ้าแปรทรงได้ ทรงช้างพลายเทวนาคพินาย(อนึ่ง ช้างของพม่ามี
ความสูงกว่าของไทยประมาณ 1 คืบเจ็ดนิ้ว) รายละเอียดในการรบ จะขอนำข้อความจากพระราชพงศาวดาร
ฉบับราชหตั เลขา ดงั นี้
“สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ได้ขับพระคชาธารเข้าชนช้างกับกองหน้า พระเจ้าหงสาวดี
พระคชาธารเสียทีให้หลังขา้ ศกึ พระเจ้าแปรไดท้ ีจงึ ขบั พระคชาธาร ตามไลช่ า้ งพระมหาจกั รพรรดิ พระสุริโยทัย
เห็นว่าพระราชสามีไม่พ้นมือข้าศึกแน่ๆ แล้ว ด้วยทรงพระกตัญญูภาพจึงทรงขับพระคชาธารพลาย
ทรงสรุ ิยกษตั รยิ ์เขา้ ออกรับ แต่พระคชาธารพระสรุ ิโยทยั เสียทีข้าศกึ พระเจา้ แปรจึงฟันด้วยพระแสงของา้ ว
ถกู พระอังสก พระสรุ ิโยทยั ขาดจนถึงราวพระถันประเทศสน้ิ พระชนมบ์ นคอช้าง .... พระโอรสท้ัง 2 พระองค์
จึงขับ พระคชาธารเข้าไปกันพระศพสมเด็จพระมารดาเข้า พระนคร” ทรงทำยุทธหัตถี ณ สมรภูมิทุ่งมะขาม
หยอ่ ง ในวันอาทติ ย์ ขน้ึ 6 ค่ำ เดือน 4 ปวี อก พ.ศ. 2091

      สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดไิ ด้เชิญพระศพพระสุริโยทัย ไปประดษิ ฐานยังสวนหลวง หลังจากน้ันจึงทรง
พระราชทานเพลิงศพ แล้วสร้างพระอารามตรงพระเมรุ โดยมีเจดีย์ใหญ่เรียกว่า “วัดสวนหลวงสบสวรรค์”
การศึกครั้งนั้นพม่ายังไม่สามารถจะตีไทยได้ และพระมหาจักรพรรดิทรงรับสั่งให้ พระมหาธรรมราชายกทัพ
ของหัวเมืองทางเหนือลงมาตีทพั พม่าโดยดว่ น ทัพพมา่ จะหนไี ปทางด่านแม่ละเมา กองทัพไทยก็ไล่ตามมาติดๆ
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26