Page 35 - version 4.2
P. 35

การศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ขั้นหายขาดอย่างเหมาะสม       ฉบับที่ 4.2 วันที่ วันที่ 08 มีนาคม 2564
                  ด้วยยาทาฟีโนควินหรือไพรมาควินโดยใช้การตรวจวัดระดับเอนไซม์ G6PD เชิงปริมาณ ประเทศไทย

                                 การเลิกจากการศึกษา (discontinuation criteria) (กรณีตรวจพบว่าเป็นมาลาเรียมากกว่า

                         1 ชนิดในภายหลัง) ซึ่งจะไมยุติการศึกษาในผู้ป่วยรายที่ตรวจพบว่ามีเชื้อชนิดผสม (P. vivax และ
                                                  ่
                         P. falciparum) ในภายหลัง เนื่องจากเหตุผล ดังนี้

                                 1) Tafenoquine เป็นยาในกลุ่ม Quinolide ที่ออกฤทธิ์ยาว เนื่องจากมี Half life ยาวประมาณ

                         2 สัปดาห์ สามารถรับประทานเพียงครั้งเดียว ตั้งแต่วันแรกที่ตรวจพบเชื้อ P. vivax อย่างไรก็ตามมีอาการ
                         ไม่พึงประสงค์ที่สำคัญ คือ ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน (Acute hemolytic anemia) ได้ ในผู้ป่วย

                         ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD และเนื่องจากยา Tafenoquine ออกฤทธิ์ยาวและคงอยู่ในร่างกายเป็น
                         เวลานาน ภาวะไม่พึงประสงค์ดังกล่าวจึงอาจจะเกิดขึ้นภายหลังจากได้รับยาไปแล้วเป็นสัปดาห์ จึงมีความ

                         จำเป็นที่ผู้วิจัยต้องติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจจับภาวะซีดจากเม็ดเลือดแดงแตกที่อาจ

                         เกิดขึ้นให้ได้แต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก (17)
                                 2) การศึกษานี้ ไม่ใช่การศึกษาประสิทธิผลของยา เพียงแต่ประเมินว่าผู้ป่วยพบเชื้อ P. vivax

                         ที่มีอายุ ≥ 16 ปี ได้รับยา Tafenoquine ถูกต้องสอดคล้องกับระดับเอนไซม์ glucose-6-phosphate
                         dehydrogenase (G6PD) หรือไม่ ดังนั้นแม้ว่าจะพบเชื้อชนิดผสมในภายหลัง ก็ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ

                         จ่ายยา Tafenoquine ซึ่งได้จ่ายไปแล้วตั้งแต่วันแรกที่ตรวจพบเชื้อ P. vivax แพทย์ในโครงการฯ จะเพียง

                         ปรับการรักษาโดยใช้ยาตามแนวทางการรักษาของประเทศไทยเพื่อให้ครอบคลุมเชื้อชนิดอื่นที่ตรวจพบ
                         ร่วมด้วยในภายหลังเท่านั้น (ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค. แนวทางเวช

                         ปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรีย ประเทศไทย พ.ศ. 2562)
                                                                         (


                                 3) โอกาสที่จะพบเชื้อชนิดผสมภายใน Day 14  เป็นไปได้ยากมากเพราะเชื้อ   P. falciparum
                         มีอุบัติการณ์ต่ำมากในจังหวัดยะลา (http://203.157.41.215/malariar10/index_newversion.php)
                                 อย่างไรก็ตาม หากพบกรณีดังกล่าว เราจะรายงานผลแยกต่างหากจากผู้ป่วยอื่นของโครงการฯ

                         ข้อมูล ดังกล่าว จะเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนหากจะนำยา Tafenoquine มาใช้ทั่วประเทศ

                                 กรณีผู้ป่วยขอถอนตัวออกจากการศึกษา สามารถกระทำได้ และผู้วิจัยจะไม่นำข้อมูลของผู้ป่วย
                         มารวมในการศึกษา อย่างไรก็ตาม กรณีผู้ป่วยรับประทานยา Tafenoquine ไปแล้ว ยังจำเป็นต้องมีการ

                         ติดตามผู้ป่วย โดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานมาลาเรีย (หน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง
                         และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง) ในพื้นที่ เพื่อสอบถามอาการข้างเคียง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย

                         ของผู้ป่วยเป็นหลัก










                                                                                                    หน้าที่ 35 จาก 63
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40