Page 31 - นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
P. 31
การจัดกระบวนทัพเรือ
ั
ี
ยาตราไปยังเมืองฮาเตียน และกรุงกัมพูชา ตามระเบียบกองทัพเรือสมัยกรุงธนบุร ได้แบ่งเรือท้งหมดออกเป็น
๘ กองเรือ
กองทัพหน้า
กองที่ ๑ พระยาพิไชยไอศวรรย์ เป็นแม่ทัพ มีเรือ ๗๓ ล�า ก�าลังพล ๑,๖๘๖ คน
กองที่ ๒ พระยาพิพิธ เป็นแม่กอง มีเรือ ๕๐ ล�า ก�าลังพล ๑,๔๘๐ คน
กองที่ ๓ พระศรีราชเดโช เป็นแม่กอง มีเรือ ๒๗ ล�า ก�าลังพล ๙๗๔ คน
กองที่ ๔ พระท้ายน�้า เป็นแม่กอง มีเรือ ๔๓ ล�า ก�าลังพล ๑,๑๐๑ คน
ทัพหลวง
กองที่ ๕ เจ้าพระยาจักรี (หมุด) เป็นแม่ทัพหน้าของกองทัพหลวง มีเรือ ๑๓ ล�า ก�าลังพล ๖๘๙ คน
�
�
�
กองท ๖ พระยาโกษา เป็นแม่กอง มีเรือ ๓๔ ลา กาลังพล ๑,๗๐๕ คน (กองน้แยกไปตีเมืองกาปงโสม
ี
่
ี
และเมืองก�าปอด)
กองที่ ๗ พระยาทิพโกษา เป็นแม่กอง มีเรือ ๑๓ ล�า ก�าลังพล ๔๕๓ คน
กองที่ ๘ กองหลวง พระเจ้าตากสินฯ ทรงเป็นจอมทัพ ประทับในเรือพระที่นั่งส�าเภาทอง มีเรือทั้งหมด ๘๔ ล�า
ก�าลังพล ๒,๒๔๒ คน
เรือรบแต่ละล�ามีปืนหน้าเรือล�าละ ๑ กระบอก ปืนรายแคมล�าละ ๒ กระบอก ส่วนปืนคาบศิลา และปืนคาบชุด
�
จานวนตามกาลังของพลเรือ สาหรับเรือขนาดใหญ่คงใช้
�
�
ปืนใหญ่หน้าเรือกระสุน ๔-๕ น้ว (กินดินหน่งช่ง) และ
ั
ึ
ิ
เป็นเรือใช้เดินในแม่น�้าล�าคลองได้
นอกจากเรือรบหลวง แล้วยังมีเรือสาเภา เรือรบ
�
ิ
์
เชลยศักด (เรือท่ไม่ใช่ของหลวง) และเรือท่เกณฑ์มาจาก
ี
ี
หัวเมืองชายทะเลทางปักษ์ใต้ และทางฝั่งตะวันออก
สรุปรวมเป็นเรือทั้งหมด ๓๓๗ ล�า (เรือส�าเภา ๕๘ ล�า
เรือรบ และเรืออื่น ๆ ๒๗๙ ล�า) ปืนหน้าเรือ ๒๕๔ กระบอก
ปืนรายแคม ๕๑๔ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒,๑๖๕ กระบอก ปืนคาบชุด และปืนคาบศิลา
ปืนคาบชุด ๕๖๗ กระบอก รวมปืนใหญ่ ปืนเล็ก ๓,๕๐๐ กระบอก ที่มา : https://www.siambusinessnews.com/wp-content/up-
ี
พระราชพงศาวดารกรุงธนบุร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) loads/2020/01/FB_IMG_1578632256539.jpg
บันทึกว่า
่
“วันพฤหัสบด เดือน ๑๒ ข้น ๘ คา เถิงปากนาพุทไธมาศ
�
ี
�
ึ
้
สถิต ณ ตึกจีนฝากตะวันตกเฉียงใต้ จึงได้มีหนังสือ
ื
พญาพิชัยไอศวรรย์กองทัพหน้า ให้ญวนมีช่อ (เชลยญวน)
็
ี
้
ั
่
ึ
ั
ิ
ซงจบได้มานน ถอเข้าไปเถงพญาราชาเศรษฐว่า สมเดจ
ื
พระพุทธเจ้าอยู่หัวยกกองทัพบก ทัพเรือมาน้ พระราชประสงค์
ี
จะเศกพระองค์รามราชาให้ครองกรงกมพชาธบด ี
ุ
ั
ู
ิ
แล้วจะเอาตัวเจ้าจุ้ย เจ้าเสสังข์ แลข้าหลวงชาวกรุง เรือรบสมัยอยุธยา
นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๔

