Page 11 - นาวิกศาสตร์ มีนาคม ๒๕๖๒
P. 11
ั
่
ื
ุ
�
ั
ิ
่
ึ
ี
ี
ึ
ี
�
็
ใช้กาลงตดอาวธมกจะอ้างว่าเป็นเรองทได้สาเรจไปแล้ว แปรเปลี่ยนค่อนข้างมาก ซ่งข้นอยู่กับตัวแสดงท่เก่ยวข้อง
�
ี
�
(fait accompli) และอาจดาเนินการต่ออยู่ แต่ในแง่ ตาบลท่ ระดับของกาลังรบ และสถานการณ์ เป็นต้น
�
�
ี
่
่
ี
่
ื
ื
ี
ื
ของประเทศทตกเป็นเหยอถอว่าเป็นการกระทาทขาด ดังน้น มาตรการเด่ยวเพ่อให้ครอบคลุมท้งหมดอาจพบ
ั
ั
ความชอบธรรมทางกฎหมาย เหย่อมีทางเลือก ๒ ทาง ได้ยาก
ื
ื
ั
ู
ู
คือ ยอมรับ หรือไม่ก็ตอบโต้ต่อสถานการณ์น้น รปแบบของการทตทางเรอแบบแฝง (Latent Naval
ั
่
ึ
การกระท�าก่อนสงครามปะทุ (Short of War) ตามปกติ Diplomacy) หมายถง กาลงรบทางเรือ ซงอาจถก
ึ
�
ู
ี
ั
มักเกี่ยวข้องกับก�าลังทหาร เช่น การแก้แค้น การปิดอ่าว วางกาลังให้สามารถใช้อิทธิพลบงคับได้ในเวลาเดยวกัน
�
ี
ิ
ึ
�
่
ี
ทางเรือ การยึดครองดินแดนของรัฐอื่น ในส่วนของการ ในกรณทเกดข้นส่วนใหญ่การวางกาลังลักษณะน้มกมิได้
ั
ี
ี
ปิดอ่าวอย่างสงบ (Pacific Blockade) ไม่ถือว่าเป็นการ อยู่ในแผน ตรงกันข้ามรัฐท่ตกเป็นเหย่ออาจลงความเห็น
ื
กระทาสงคราม แต่การยึดครองดินแดนของรัฐอ่นไม่ชอบ ว่าเป็นไปโดยเจตนา แต่ต้องยอมรับว่าการทูตทางเรือ
�
ื
ด้วยกฎหมาย แบบแฝงสามารถปรับแต่งให้พร้อมไปอยู่ในรูปแบบของ
ึ
การแก้แค้นจัดเป็นมาตรการข่มขู่ ซ่งอยู่ในรูปแบบ การทูตโดยตรงได้
ื
�
�
ของการกระทาทางทหารต่อรัฐอ่นไม่ถือว่าชอบด้วย โดยสรุปแล้วการทูตแบบบังคับเป็นการใช้กาลัง
กฎหมายอีกต่อไปตามกฎบัตรสหประชาชาติ ทางเรือโดยตรงเพ่อผลประโยชน์ของชาติ โดยมีเจตจานง
�
ื
ื
�
ในวิกฤติการณ์ขีปนาวุธคิวบา (Cuban Missile เพ่อสร้างอิทธิพลต่อความคิดและการกระทาของ
ื
�
�
Crisis) ปี ค.ศ. ๑๙๖๒ สหรัฐอเมริกาชิงไหวชิงพริบ ผู้มีอานาจตัดสินใจของรัฐอ่น สามารถนามาใช้ในรูปแบบ
�
การกระทาสงคราม (Act of War) โดยการใช้คาว่า ของการร่วมมือ (ในทางดี) และรูปแบบของการบังคับ
�
การกักด่าน (Quarantine) แทนการปิดข่าวทางเรือ (ในทางร้าย) เมื่อก�าลังรบทางเรือถูกน�าไปใช้เพื่อคุกคาม
(Naval Blockade) หรือบังคับ หรือลงโทษแบบรุนแรงท่ปราศจากการปะทะ
ี
ั
จากคานยามและตวอย่างทกล่าวมาข้างต้นพอ การด�าเนินการทางการทูตทางเรือ ได้กล่าวมาแล้ว
่
ิ
�
ี
จะเห็นภาพได้ว่า ความรุนแรงอาจปรากฏข้นโดยไม่ม ี ข้างต้นว่าการทูตทางเรือมอยู่สองลักษณะคอมาด ี
ึ
ื
ี
สงคราม และความรุนแรงน้นสามารถถือได้ว่าเป็นส่วนหน่ง (Cooperative) กับมาร้าย (Coercive)
ั
ึ
ั
ี
ของการทูต ดังน้นตามท่ James Cable กล่าวไว้ว่า - การทูตทางเรือแบบมาด โดยธรรมชาติของมันแล้ว
ี
การทูตทางเรือมิได้ล้าสมัยหรือหมดยุคไปแล้ว ตรงกันข้าม ไม่มกจทจะสร้างความคกคาม ตรงกนข้ามกลบเป็นการ
ุ
ั
่
ี
ี
ิ
ั
กลับเจริญงอกงามด้วยซ�้า ช่วยเหลือหรือสร้างความนิยม เช่น การเย่ยมเมืองท่ามิตร
ี
�
ี
การกระทาท่เป็นการทูตแบบบังคับ การกระทา � ประเทศทางการทูต การช่วยเหลือภัยพิบัติทางธรรมชาต ิ
ื
ท่ต้งใจให้ได้ประโยชน์บางอย่างจากรัฐอ่น และได้รับ การฝึกร่วมระหว่างประเทศ เป็นต้น แต่การเยี่ยมเมืองท่า
ั
ี
ี
ั
�
การชดใช้ท่ได้กระทาผิดตามลักษณะทางการทูตหากว่า และการฝึกร่วมทางเรือบางคร้งอาจมีผลในเชิงลบ
ได้กระทาอย่างไตร่ตรองมาก่อน การทูตแบบบังคับจึง เป็นการคุกคามต่ออีกประเทศอื่นได้
�
ึ
�
เป็นทางเลือกหน่งท่อาจนาไปสู่สงคราม และหากนาไป - การทูตแบบบังคับ (แบบมาร้าย) มีรูปแบบค่อนข้าง
�
ี
สู่สงครามจริงเราไม่ถือว่าล้มเหลว เราอาจสงสัยว่ามัน หลากหลาย James Cable แบ่งเป็น ๔ ประเภท คือ
ี
ั
ื
สมควรกับช่อท่เรียกหรือไม่ ดังน้น การทูตแบบบังคับ ประเภทแรก กาลังรบท่เท่ยงแท้และแน่นอน
ี
�
ี
�
ื
�
หรือการทูตแบบรุนแรงต้องมิใช่เพียงการกระทาท ี ่ (Definitive Force) การใช้กาลังรบท่อยู่ในพ้นท่เพ่อสร้าง
ื
ี
ี
ไม่ปรารถนาให้เร่มต้นสงคราม แต่ยังต้องคานวณว่า หรือสลายสิ่งที่ได้ท�าส�าเร็จลุล่วงไปแล้ว (fait accompli)
�
ิ
ไม่ส่งเสริมให้มีการตอบโต้ทางทหาร การเริ่มต้นสามารถ
10 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๓ ประจำ�เดือน มีน�คม ๒๕๖๒

