Page 96 - ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
P. 96

- 90 -      ชีววทยาพื้นฐาน ม.4
                        ิ

                   ซับสเตรดไม่ได้  การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของโปรตีนอันเนื่องมาจากความร้อนนี้  ถ้าความร้อนไม่สูงเกินไปและ
                                                                                     ี

                   เมื่อมีความร้อนลดลงจนมีระดับปกติ  โปรตีนจะคืนสู่ภาพเดิมสามารถทางานได้อก
                   ความเป็นกรด-เบส (pH)
                          เอนไซม์แต่ละชนิดจะท างานได้ดีในสภาพความเป็นกรด-เบสที่แตกต่างกัน เช่น ไลเพสท างานได้ดี
                   ที่สุดที่ pH 7  ทริปซินที่ pH 8-11  และเพปซินที่ pH 1.5-2.5 แต่โดยทั่วไปแล้วเอนไซม์มักท างานได้ดีในช่วง
                   pH 6-7.5

                   ปริมาณเอนไซม์และสารตั้งต้น
                          อตราการเกิดปฏิกิริยาจะแปรผันโดยตรงกับความเข้มข้นของเอนไซม์และซับสเตรตจนถึงจุด
                            ั
                   หนึ่ง   ถ้าเอนไซม์และสารตั้งต้นมากเกินพออัตราการเกิดปฏิกิริยาจะคงที่เนื่องจากไม่มีเอนไซม์และสารตั้งต้น
                   เหลือพอที่จะท าปฏิกิริยา


                                 ์
                   ตัวยับยั้งเอนไซม (enzyme inhibitor)
                          ตัวยับยั้งเอนไซม์เป็นสารเคมีที่สามารถยับยั้งการท างานของเอนไซม์ไม่ให้เอนไซม์จับกับสารตั้งต้นได้
                   เช่น สารจ าพวกเพนิซิลลินเป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แย่งจับบริเวณเร่งของเอนไซม์ที่แบคทีเรียใช้ในการเร่ง
                   ปฏิกิริยาการสร้างผนังเซลล์  แบคทีเรียจึงไม่สามารถสร้างผนังเซลล์ได้  ประโยชน์ของตัวยับยั้งเอนไซม์คือ ใช้

                   ในการศึกษาล าดับของปฏิกิริยาเคมีที่เกดขึ้นการท างานของตัวยับยั้งเอนไซม์ แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
                                                   ิ
                          1. การยับยั้งแบบถาวร  (inreversible inhibition)  เกิดจากการที่ ตัวยับยั้งจับกับเอนไซม์อย่าง
                   ถาวรด้วยพ น ธะโคเวเลนต์   (covalent bond)  กลายเป็ น สารป ระกอบ ที่เสถียร (stable
                               ั
                   compounds)  เอนไซม์จึงไม่สามารถเร่งปฏิกิริยาได้อีก

                          2. การยับยั้งแบบชั่วคราว (reversible inhibition)  เกิดจากตัวยับยั้งที่เกาะบนโมเลกุลของเอนไซม์
                                         ื่
                                    ั
                                                  ั
                   อย่างชั่วคราวด้วยพนธะอนๆที่ไม่ใช่พนธะโคเวเลนต์จึงมีโอกาสหลุดออกจากเอนไซม์กลับเข้าสู่สภาพเดิมได้
                   แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
                            -  การยับยั้งแบบแข่งขัน (competitive inhibition)  เป็นการท างานของตัวยับยั้งที่มีโครงสร้าง
                          คล้ายกับสารตั้งต้นจึงเข้าไปเกาะบริเวณแอกทีฟไซด์ของเอนไซม์แทนที่สารตั้งต้น  ท าให้สารตั้งต้นไม่
                          สามารถเข้าไปเกาะบริเวณแอกทฟไซด์ของเอนไซม์นั้นได้
                                                     ี
                            -   การยับยั้งแบบไม่แข่งขัน (non-competitive inhibition)  เกิดจากการที่ตัวยับยั้งซึ่งมี
                          โครงสร้างแตกต่างจากสารตั้งต้น  จะเข้าจับกับเอนไซม์บริเวณอนที่ไม่ใช่บริเวณแอกทีฟไซด์  เมื่อตัว
                                                                               ื่
                          ยับยั้งเอนไซม์จับกับสารตั้งต้นแล้วท าให้บริเวณแอกทีฟไซด์เปลี่ยนแปลงไป  ละไม่สามารถท า
                          ปฏิกิริยาต่อไปได้
                          3. การยับยั้งแบบย้อนกลับ (feedback inhibition) เป็นการยับยั้งที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ ของปฏิกิริยา

                   ที่มีปริมาณมากเกินพอ จะสามารถยับยั้งการท างานของเอนไซม์ที่ เร่งปฏิกิริยาขั้นแรก ในวิถีเมแทบอลิซึม
                   ได้  การยับยั้งแบบนี้พบได้ใน กระบวนการสังเคราะห์กรดไขมัน โคเลสเตอรอล  กรดอะมิโน  นิวคลีโอไทด์
                   และในเมแทบอลิซึมของสิ่งมีชีวิต
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101