Page 126 - รายงานประจำปี2562
P. 126

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๒๑๘/2562

                                   ในชั้นที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนผู้เสียหาย ไม่รับคำฟ้อง
                        ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง โจทก์เป็นผู้ได้รับความ
                                                                                                            ิ
                        เสียหายเนื่องจากการกระทำของจำเลยเพราะโจทก์อาจต้องเสียเงิน 3,402,000 บาท ไปจากการที่จำเลยไม่ยอมคืนเงน
                        ดังกล่าว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (๔) และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
                        พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้องต่อไป อันเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือใน
                        ประเด็นแห่งคดีแล้ว ปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว การที่
                        จำเลยอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะโจทก์ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของนางระเบียบจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
                        เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตาม
                        ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญา
                        ในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นนี้เป็นการดำเนินกระบวน
                        พิจารณาซ้ำนั้นชอบแล้ว
                                   นางระเบียบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของตน 2 ครั้ง รวม 6,000,000 บาท แล้วโอนเงินดังกล่าวเข้า
                        บัญชีเงินฝากของจำเลยที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดน้อย เพื่อให้จำเลยจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายของนาย
                        โฆษิต ค่ารักษาพยาบาลของนางระเบียบและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่นางระเบียบมอบหมาย จำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเงิน
                        ในบัญชีเงินฝากแทนนางระเบียบ รวมทั้งเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนางระเบียบ จำเลยมีหน้าที่จัดการ
                                                                    ี
                        จ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งขณะท่นางระเบียบถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557
                        บัญชีเงินฝากของจำเลยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 มีเงินอยู่ในบัญชี 2,224,642.67 บาท และจำเลยยอมรับในฎีกา
                        ว่าเงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยเป็นมรดกของนางระเบียบ ดังนั้น เมื่อนางระเบียบถึงแก่ความตาย เงินในบัญชีเงินฝาก
                        ดังกล่าวย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของนางระเบียบ นายโฆษิตเป็นทายาทผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งตามสำเนา
                        พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองเอกสารหมาย จ.15 ทั้งศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าพินัยกรรมของนางระเบียบมีผล
                        สมบูรณ์และบังคับได้ตามกฎหมาย นายโฆษิตจึงเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกเงินฝากในบัญชีเงินฝากที่นางระเบียบมอบหมาย
                        ให้จำเลยจัดการ การที่จำเลยครอบครองเงินในบัญชีเงินฝากต่อมาต้องถือว่าจำเลยครอบครองไว้แทนนายโฆษิต จำเลยมี
                        หน้าที่มอบเงินที่เหลือจากการจัดการให้แก่นายโฆษิตผู้มีสิทธิได้รับ ไม่มีสิทธินำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง
                        หรือผู้อื่น แต่นายโฆษิตถึงแก่ความตายโดยไม่มีภริยาและบุตร โจทก์ซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจึงเป็นทายาทผู้มี
                        สิทธิได้รับมรดกของนายโฆษิต และโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายโฆษิตตามคำสั่งศาลด้วย โจทก์จึงมีสิทธิติดตามเอา
                        เงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยซึ่งเป็นมรดกของนายโฆษิตที่ตกทอดแก่โจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะ
                        ผู้จัดการมรดกของนายโฆษิตได้ การที่จำเลยถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก แล้วนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คชำระค่าห้องชุดของตน
                        577,386 บาท และ 1,572,614 บาท ภายหลังนางระเบียบถึงแก่ความตายไม่ถึง 1 เดือน ทั้งที่จำเลยมีข้อตกลงกับ
                        นางระเบียบว่าจะไม่นำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายส่วนตัว พฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นเจตนาชัดแจ้งว่าเป็นการแสวงหา
                        ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง อันเป็นการกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิด
                        ความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

                        353 (เดิม)









                        รายงานประจำปี ๒๕๖๒                                                                                                   หน้า | ๑๑๕
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131