Page 127 - รายงานประจำปี2562
P. 127

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๒๙๘/2562
                                   แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุครั้งแรกนายติ๊ก สามีของนางเฟื่องฟ้าพาผู้เสียหาย


                       ที่ 1 ไปขึ้นรถบรรทุกของจำเลยที่จอดอยู่ข้างทางที่เกิดเหตุ และในวันเกิดเหตุครั้งที่สองนางเฟื่องฟ้า
                       พาผู้เสียหายที่ 1 ไปขึ้นรถบรรทุกของจำเลยที่จอดอยู่ข้างทางที่เกิดเหตุ แล้วจำเลยกระทำชำเรา
                       ผู้เสียหายที่ 1 จนสำเร็จความใคร่ทั้งสองครั้ง โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้นัดแนะหรือ

                       ชักชวนผู้เสียหายที่ 1 ให้ไปที่รถบรรทุกของจำเลยหรือไม่ ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับ
                       นายติ๊กและนางเฟื่องฟ้าได้ร่วมกันคบคิดวางแผนพาผู้เสียหายที่ 1 ไปที่รถบรรทุกของจำเลย เมื่อ

                       จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 ทั้งสองครั้งเสร็จแล้ว จำเลยก็พาผู้เสียหายที่ 1 ไปส่งที่บ้าน ไม่มี
                       การหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือพาผู้เสียหายที่ 1 ไปที่อื่นใดอีกก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลย
                       จอดรถบรรทุกของจำเลยรออยู่ทั้งสองครั้ง จุดเกิดเหตุแต่ละครั้งอยู่คนละตำบล ทั้งจำเลย นายติ๊ก

                       สามีของนางเฟื่องฟ้า และนายณัฐพลสามีของผู้เสียหายที่ 1 ต่างก็เป็นลูกจ้างพนักงานขับรถบรรทุก
                       และพักอาศัยกับครอบครัวของตนที่บ้านพักคนงานของนายจ้าง ซึ่งเป็นห้องแถวชั้นเดียวประมาณ

                       20 ห้อง ก่อนเกิดเหตุด้วยกัน จึงรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวเห็นได้ว่า มีการ
                       คบคิดนัดแนะกันระหว่างจำเลยกับนายติ๊กและนางเฟื่องฟ้า ให้นายติ๊กหรือนางเฟื่องฟ้าพาผู้เสียหาย
                       ที่ 1 ไปพบจำเลยซึ่งรออยู่บนรถบรรทุกของจำเลยที่จอดอยู่ที่จุดเกิดเหตุ หากไม่มีการคบคิด

                       วางแผนกันมาก่อน ยากที่จะพาผู้เสียหายที่ 1 ไปส่งยังรถบรรทุกของจำเลยได้ถูกต้อง ผู้เสียหายที่ 1
                       ยังเป็นเด็ก ยังอยู่ในความปกครองดูแลของนางสร้อยฟ้ามารดาผู้ปกครองผู้เสียหายที่ 2 การกระทำของ

                       จำเลยดังกล่าวย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 2 แล้ว มิใช่
                       จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 เพียงอย่างเดียว โดยมีการกระทำถึงสองครั้ง การกระทำของ
                       จำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล

                       โดยปราศจากเหตุอันสมควรทั้งสองกรรม และฐานพาเด็กไปเพื่อการอนาจารทั้งสองกรรม






















                        รายงานประจำปี ๒๕๖๒                                                                                                   หน้า | ๑๑๖
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132