Page 37 - สอนสนุก สร้างสุข สไตล์สาธิตปทุมวัน เล่ม 4
P. 37
“Ê͹ʹء ÊÃéÒ§ÊØ¢ ÊäµÅìÊÒ¸Ôµ (»·ØÁÇѹ) àÅèÁ 4”
จากข้อมูลอันเป็นวิกฤตทางการศึกษา และวิกฤตของผู้เรียน
ที่ผ่านมา บ่งชี้ให้เห็นว่าครูยังแสดงบทบาทและทำหน้าที่ของตนเอง
ไม่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวครูควรปรับวิธี ... เปลี่ยนวิธีสอน
โดยเริ่มจากการทบทวนและปรับแต่งความคิด ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ความหมายของการเรียนรู้ เทคนิควิธีสอนแนวใหม่ การออกแบบการจัดการ
เรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล จิตวิทยา ตลอดจนความแตกต่างระหว่าง
บุคคล โดยต้องถือว่าแก่นแท้ของการเรียน คือ การเรียนรู้ของผู้เรียน ต้อง
เปลี่ยนจากการยึดสาระวิชาเป็นตัวตั้ง มายึดผู้เรียนเป็นตัวตั้ง หรือที่เรียกว่า
“ผู้เรียนเปนสำคัญ” โดยครูต้องยึดหลัก “สอนน้อย เรียนมาก (Teach
Less, Learn More)” ซึ่งเป็นอุดมการณ์ด้านการศึกษาของประเทศสิงคโปร์
โดยครูสอนน้อยลง คือ สอนเท่าที่จำเป็น ซึ่งครูต้องรู้ว่าตรงไหนควรสอน
ตรงไหนไม่ควรสอนเพราะผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เอง ครูทำหน้าที่ออกแบบ
กิจกรรมให้ผู้เรียนเรียนรู้จากกิจกรรม (Project – Based Learning หรือ PBL)
แล้วชักชวนผู้เรียนทบทวนไตร่ตรอง (reflection หรือ AAR) ว่าในแต่ละ
กิจกรรมของการเรียนรู้ ผู้เรียนรู้อะไรบ้าง ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
และอยากเรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้ครูเข้าใจอัตราความเร็ว
ของการเรียนรู้ของผู้เรียนที่หัวไวไม่เท่ากัน (ความแตกต่างระหว่างบุคคล)
ในสภาพการเรียนเช่นนี้จะทำให้ผู้เรียนตื่นตัวและต้องเตรียมตัวเรียน
ตลอดเวลา จะไม่มีเวลาเฉไฉไปทำเรื่องไม่เหมาะไม่ควร และครูมีเวลา
ออกแบบการเรียนรู้ ทบทวนผลการเรียนรู้มากขึ้น กล่าวคือ ครูต้อง
เรียนรู้วิธีทำหน้าที่ครูของตนอยู่ตลอดเวลา เพราะครูจะไม่รู้ว่าวีธีการ
ที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้มากนั้นทำอย่างไร ครูจึงต้องจับกลุ่มกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของกันและกัน สำหรับผู้บริหาร
ก็ต้องคอยจับเอาประเด็นเรียนรู้สำคัญ ๆ ไปจัดระบบของโรงเรียนให้เอื้อต่อ
การเรียนรู้ตามแนว “สอนน้อย เรียนมาก” (วิจารณ์ พานิช, 2555: 64 - 66)

