Page 138 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 138

๑๑๗


                       วิชชา นี้วิมุตติ ดังนี้ แต่นั้นพระโยคาวจร ย่อมเสพธรรมที่ควร ย่อมไม่เสพธรรมที่ควรเสพ ย่อมคบ
                       ธรรมที่ควรคบ ย่อมไม่คบธรรมที่ไม่ควรคบ สตินี้มีลักษณะให้นึกได้อย่างนี้”

                       พระยามิลินท์ได้ถามลักษณะประการที่สองของสติว่า
                                 “สติมีลักษณะถือไว้เป็นอย่างไร?”


                                 พระนาเสนขยายความของสติให้ฟังว่า
                                 “สติเมื่อเกิดขึ้นย่อมค้นหาที่ไปแห่งธรรมทั้งหลาย ที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์

                                                                                                    ุ
                       ธรรมเหล่านี้ ให้รู้ว่า ธรรมเหล่านี้เป็นประโยชน์ ธรรมเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ ธรรมเหล่านี้มีอปการะ
                       ธรรมเหล่านี้ ไม่เป็นอปการะ แต่นั้น พระโยคาวจรย่อมเกียดกันธรรมที่ไม่เป็นประโยชน์เสีย ถือไว้แต่
                                        ุ
                       ธรรมที่เป็นประโยชน์ ย่อมเกียดกันธรรมที่ไม่มอุปการะเสีย ถือไว้แต่ธรรมที่เป็นอุปการะ สติมีลักษณะ
                                                            ี
                       ถือไว้อย่างนี้”

                                 จากบทสนทนาถามตอบปัญหาว่าด้วยลักษณะของสติระหว่างพระยามิลินท์และพระนาค

                       เสน ก็จะพบว่าสติมีลักษณะ ๒ ประการ คือ สติมีลักษณะให้นึกได้ และมีลักษณะถือไว้ เป็นการ
                                                                      ุ
                       อธิบายสาระส าคัญของสติ ซึ่งครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า ‘สติเป็นธรรมที่ควร
                       ปรารถนาในที่ทั้งปวง’ นั่นก็หมายความสติเป็นธรรมที่เป็นอุปการะเป็นบาทให้แก่ธรรมชั้นสูงได้เกิดขึ้น

                               ุ
                       เช่นพระพทธเจ้าตรัสถึงธรรมที่เป็นอปการะแก่กันและกันที่เรียกว่า ธรรมมีอปการะมาก คือสติ และ
                                                     ุ
                                                                                      ุ
                       สัมปชัญญะ  โดยที่เมื่อสติเกิดขึ้นแล้วปัญญาก็จะไต่ระดับเกิดขึ้นจากระดับต้น ระดับกลาง จนถึงระดับ
                                                                   ิ
                       ปลาย เป็นโลกุตตรปัญญาในที่สุด หรืออย่างในเรื่องอนทรีย์ ๕  พระองค์ก็ตรัสว่า สติเป็นที่ปรารถนา
                       ในที่ทั้งปวง เมื่อพจารณาดูการปรับอนทรีย์ให้สมดุลของพระโยคาวจรขณะท าความเพยร ระหว่าง
                                                                                               ี
                                                      ิ
                                      ิ
                                                                                         ี
                       สัทธากับปัญญา วิริยะกับสมาธิ โดยมีสติเป็นตัวคอยควบคุมให้การบ าเพญเพยรขอพระโยคาวจร
                                                                                     ็
                                                                                       ุ
                       เป็นไปอย่างสมดุล นอกจากนี้สติก็ยังปรากฏอยู่ในหลักธรรมที่ส าคัญของพระพทธเจ้าไม่ว่าจะเป็น สติ
                       ปัฏฐาน ๔ มรรคมีองค์ ๘ เป็นต้น เมื่อเรามาวิเคราะห์ตามนัยแห่งปรมัตถธรรมในพระอภิธรรมก็จะ
                       พบว่าสติ เป็นเจตสิกฝ่ายกุศลที่เรียกว่าโสภณเจตสิก ซึ่งประกอบกับจิตหรือเกิดขึ้นกับจิตที่เป็นกุศล

                       ทั้งหมดทั้งจิตที่เป็นกามาวจรกุศลจิต รูปาวจรกุศลจิต อรูปาวจรกุศลจิต และ โลกุตตรจิต


                       ๔.๔ มิลินทปัญหาที่เกี่ยวกับนิพพาน

                                 จากการวิเคราะห์มิลินทปัญหาในเบื้องต้นพบว่ามีหลายปัญหาในมิลินทปัญหาที่กล่าวถึง

                                                                         ี
                       นิพพาน ส าหรับการวิจัยในครั้งจะเลือกน ามามาวิเคราะห์ เพยง ๔ ปัญหา เพอจะได้เห็นภาพกว้าง ๆ
                                                                                      ื่
                       ของมิลินทปัญหาที่เกี่ยวกับนิพพาน
   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143