Page 135 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 135
๑๑๔
ต่อมาซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าเป็นประเด็นหลักของปัญหาข้อนี้ จึงจัดปัญหาข้อนี้เข้าเฉพาะในปรมัตถธรรมข้อ
ั
ว่าด้วยจิต และเจตสิก ที่พระยามิลินท์ถามว่า มนสิการกับปัญญาก็เป็นอนเดียวกันมิใช่หรือ ซึ่งพระ
นาคเสนก็ตอบว่าไม่ใช่ มนสิการมีลักษณะนึก ส่วนปัญญามีลักษณะอกประการหนึ่งซึ่งต่างจาก
ี
มนสิการ และที่ส าคัญพระนาคเสนกล่าวต่อไปว่า มนสิการย่อมมีแม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานในขณะที่
ปัญญามีเฉพาะแก่มนุษย์เท่านั้น
จากปัญหาในข้อนี้ถ้าวิเคราะห์ตามหลักปรมัตถธรรมแล้วก็จะพบว่า มนสิการ ก็ คือ
มนสิการเจตสิก ซึ่งหมายถึงความใส่ใจ เป็นเจตสิกที่เรียกว่า สัพพจิตตสาธารณเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิก
ซึ่งประกอบกับจิตได้ทั้งหมด ๘๙ หรือ ๑๒๑ ดวง ทั้งที่เป็นกุศลจิต อกุศลจิต มหัคคตจิต
และโลกุตตรจิต ในขณะที่ปัญญา ในปัญหาข้อนี้หมายถึงปัญญาเจตสิก หรือ ปัญญินทริย ซึ่งหมายถึง
สภาวะของการรู้รอบ จัดเป็นโสภณเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิกฝ่ายกุศล ประกอบกับจิตได้เฉพาะกุศลจิตทั้ง
ที่โลกิยะและโลกุตตระ
๔.๓.๒ สัทธาลักขณปัญหา
ปัญหาข้อนี้ปรากฏอยู่ในมิลินทปัญหาวรรคที่ ๑ ปัญหาที่ ๑๐ โดยที่พระยามิลินท์ได้ถาม
พระนาคเสนว่า
“พระผู้เป็นเจ้า ศรัทธานี้มีลักษณะกี่ประการ”
พระนาคเสนถวายพระพรว่า
“มหาบพตร ศรัทธานี้มีลักษณะ ๒ ประการ คือสัมปสาทลักขณสัทธาประการ ๑ สัมปัก
ิ
ขันทลักขณสัทธาประการ ๑”
พระยามลินท์ตรัสถามต่อไปว่า
ิ
“พระผู้เป็นเจ้า สัมปสาทลักขณสัทธานี้เป็นประการใด”
พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า
ั
ิ
“มหาบพตร อนว่าสัมปสาทลักขณสัทธานั้นเมื่อจะบังเกิดนั้นข่มขี่เสียซึ่งนิวรณธรรม ให้
ั
ดวงจิตนั้นผ่องใส ไม่ขุ่นมัวไปด้วยมลทิน เมื่อจะรักษาศีลให้ทานสวนาการฟงพระสัทธรรมเทศนา
และจ าเริญเมตตาภาวนา จิตนั้นมีสภาวะผ่องใสอย่างนี้ได้ชื่อว่าสัมปสาทลักขณสัทธา”
ท่านพระนาคเสนได้ยกอุปมาถวายว่า
ุ
“สัมปสาทลักขณสัทธานี้ อปมาดุจพระเต้ามณีก าจัดเสียซึ่งเปือกตมอนขุ่นมัว คือตัว
ั
นิวรณธรรมให้สิ้นไปอุทกังก็ผ่องใส ได้แก ดวงจิตอนมิได้ติดด้วยนิวรณธรรม คือโลโภโทโส โมโห จิต
่
ั
ปราศจากโทษแล้วก็ผ่องใส อันว่าสัมปสาทลักขณสัทธามีลักษณะดุจเปรียบมาฉะนี้.”
พระยามิลินท์ได้ตรัสถามต่อไปว่า

