Page 136 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 136

๑๑๕


                                                                          ั
                                 ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปัญญาปรีชา  อนว่าสัมปักขันทลักขณสัทธานี้อย่างไร
                       เล่า


                                  พระนาคเสนวิสัชนาว่า
                                             ั
                                        ิ
                                 “มหาบพตร อนว่าสัมปักขันทลักขณสัทธานี้  ได้แก่ พระโยคาวจรผู้มีจิตผ่อนให้เบาจาก
                       ราคาทิกิเลส ก็ได้ธรรมวิเศษ คือ โสดาปัตติมรรคผล และสกิทาคามิมรรคผล  อนาคามิมรรคผล และ
                       อรหัตมรรคผลได้วิมุตติธรรมฉะนี้  ก็มีจิตแล่นไปในโสดาปัตติผล  สกิทาคามิผล  อนาคามิผล  และได้

                                                                                         ั
                       มรรคแล้วจิตแล่นไปเพอจะกระท าให้ได้ผล และได้ผลแล้วยังมิได้มรรคและผลอนใด ก็กระท าความ
                                          ื่
                       เพียรเพื่อจะให้ได้มรรคและผลนั้น  นี่แหละชื่อว่าสมปักขันทลักขณสัทธา.”

                                   พระนาคเสนจึงถวายพระพรอุปมาว่า

                                                                ื่
                                   ุ
                                 “อปไมยดุจพระโยคาวจรเจ้า  ที่เห็นเพอนกันมีจิตพ้นจากราคะไปได้ ก็มีน้ าใจแล่นไปในที่
                                                                                               ี
                                                                                                      ื่
                       จะได้พระโสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผลแม้ยังบ่มิได้ก็กระท าความเพยรไป เพอจะ
                                  ั
                                                  ื่
                                                                     ั
                                                                                            ั
                       ให้รู้ซึ่งธรรมอนยังไม่รู้ เพยงไปเพอจะท าให้แจ้งซึ่งธรรมอนยังไม่แจ้ง เปรียบดังบุรุษอนข้ามน้ าตามกัน
                                           ี
                       และสัมปักขันทลักขณสัทธานี้ มีลักษณะดุจอุปมานี้”
                                 จากบทสนทนาถามตอบในปัญหาข้อนี้ก็จะพบว่าศรัทธาในพระพทธศาสนามีลักษณะ ๒
                                                                                      ุ
                       ประการ คือสัมปสาทนสัทธา ซึ่งมีลักษณะผ่องใสกับสัมปักขันทลักขณสัทธา ซึ่งมีลักษณะแล่นไปสู่
                       คุณธรรมในเบื้องบน ตั้งแต่โสดาบันบุคคลจนถึงพระอรหันตบุคคล ในหลักค าสอนที่ปรากฏในพระสูตร

                       เราจะพบว่าสัทธาเป็นเบื้องต้นแห่งการเข้าถึงสภาวะธรรมในเบื้องต้น มีปัญญาในเบื้องปลาย เช่น ใน
                       หลักธรรมว่าด้วย พละ ๕ หรือ อินทรีย์ ๕ ที่ประกอบด้วยสัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา  สัทธาทั้ง ๒

                       ประการนี้เมื่อวิเคราะห์ตามหลักปรมัตถธรรมก็ได้แก่ สัทธาเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิกฝ่ายกุศลที่เรียกว่า

                       โสภณสาธารณเจตสิกซึ่งเกิดกับกุศลจิตได้ทั้งหมด ว่าจะเป็น กามาวจรโสภณจิต รูปาวจรจิต อรูปาวจร
                                                                          ื้
                       จิต และโลกุตรจิตนั่นเอง  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลักสัทธาเป็นพนฐานแห่งการเกิดขึ้นของคุณธรรมใน
                       เบื้องบนตามหลักพระพุทธศาสนานั่นเอง

                                 ๔.๓.๓ ปัญญาลักขณปัญหา


                                 ปัญหาข้อนี้ปรากฏอยู่ในมิลินทปัญหาวรรคที่ ๑ ปัญหาข้อที่ ๑๔  โดยที่พระยามิลินท์ได้
                       ถามพระนามเสนว่า “พระผู้เป็นเจ้า ปัญญามีลักษณะอย่างไร”


                                 พระนาคเสนวิสัชนาว่า
                                 “แต่ก่อนอาตมาภาพได้กล่าวว่า ปัญญามีลักษณะตัดให้ขาด อกอย่างหนึ่ง ปัญญามี
                                                                                       ี
                       ลักษณะส่องให้สว่าง”

                                 พระยามิลินท์ได้ตรัสถามต่อไปว่า
   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141