Page 139 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 139

๑๑๘


                                 ๔.๔.๑ ปรินิพพานปัญหา

                                 ปัญหาข้อนี้ปรากฏอยู่ในมิลินทปัญหาวรรคที่ ๒ ปัญหาข้อที่ ๔  โดยที่พระยามิลินท์ได้ตรัส

                       ถามพระนาคเสนว่า“พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดไม่ปฏิสนธิ เขาจะเสวยเวทนาที่เป็นทุกข์หรือไม่?”

                                 พระนาคเสนได้ตอบว่า

                                 “เสวยบ้าง ไม่เสวยบ้าง”

                                 พระยามิลินท์ได้ตรัสถามต่อไปว่า

                                 “เสวยเวทนาชนิดไหน ไม่เสวยเวทนาชนิดไหน”

                                 พระนาคเสนตอบว่า

                                 “เสวยเวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน ไม่เสวยเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน”

                                 พระยามิลินท์ไล่เลียงท่านต่อไปว่า

                                 “ไฉนจึงเสวยเวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน ไฉนจึงไม่เสวยเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน”

                                 พระนาคเสนได้เฉลยต่อไปว่า

                                 “สิ่งใดเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดทุกขเวทนา ที่มีกายเป็นสมุฏฐาน เพราะยังไม่สิ้นแห่งเหตุ
                       และปัจจัยนั้น จึงเสวยทุกขเวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน สิ่งใดเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดทุกขเวทนาที่มี

                       จิตเป็นสมุฏฐาน เพราะความสิ้นแห่งเหตุและปัจจัยนั้น จึงไม่เสวยทุกขเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน แม้
                       ค านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ได้ตรัสไว้ว่า ‘พระอรหันต์ท่านเสวยแต่เวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐานอย่าง

                       เดียว ไม่ได้เสวยเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน”

                                 จากการสนทนาถามตอบระหว่างพระยามิลินท์และพระนาคเสนเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้ ก็จะ

                       พบว่า พระพทธศาสนาได้แบ่งพระนิพพานออกเป็น ๒ ประเภท คือ สอปทิเสสนิพพาน นิพพานของ
                                                                                  ุ
                                 ุ
                                       ุ
                       พระอรหันต์ที่ยังมีอปาทิ คือ ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ เหลืออยู่ และอนุ
                                                                        ุ
                       ปาทิเสนิพาน คือนิพพานของผู้ที่ปรินิพพานไปแล้วโดยไม่มีอปาทิ คือ ขันธ์ทั้ง ๕ เหลืออยู่  การที่พระ
                       ยามิลินท์ถามพระนาคเสนว่าผู้ไม่ปฏิสนธิเขาจะเสวยทุกขเวทนาหรือไม่ ซึ่งพระนาคเสนก็ตอบว่า เสวย
                                                                               ุ
                       บ้างไม่เสวยบ้าง ปัญหาท่อนนี้หมายถึงนิพพานประเภทที่ ๑ คือ สอปทิเสสนิพพาน คือนิพพานของ
                       พระอรหันต์ที่ยังมีขันธ์ ๕ เหลืออยู่ หมายความว่า หมายความบุคคลที่ได้บรรลุสู่ความเป็นโลกุตต

                       รภาพขึ้นสูงสุด คือ อรหัตตผลจิตแล้ว แต่ยังมีขันธ์เหลืออยู่จะเสวยทุกขเวทนาได้ ซึ่งค าตอบท่อนต่อมา
                       ก็ได้ขยายความให้ชัดเจนขึ้นว่า พระอรหันต์ที่ยังมีขันธ์ ๕ เหลืออยู่นั้น ยังเสวยทุกขเวทนาได้ แต่เป็น

                       เวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน หรือทุกเวทนาทางกาย มิได้เสวยทุกขเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน นั่นก็

                                                                ี
                       หมายความว่า ถ้าเราพจารณาถึงเวทนาอย่างละเอยด ๕ ประการ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัส
                                          ิ
                       เวทนา โทมนัสเวทนา และอเบกขาเวทนา ก็จะเห็นภาพอย่างชัดว่า ทุกขเวทนาหมายถึงทุกข์ทางกาย
                                              ุ
   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144