Page 49 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 49

47

          กองทัพท่ี 7 ตะแคงอักกุ ราชบุตรท่ี 3 เปน็ แม่ทัพกำลัง 11,000 คน ชมุ พลท่ีเมาะตะมะ
          กองทพั ท่ี 6, 7 เป็นทัพหนา้ ของกองทพั หลวง โดยกองทัพท่หี กเป็นกองทัพหน้าท่ีหนึ่ง กองทัพท่ี 7
เปน็ กองทพั หน้าทีส่ อง
          กองทัพที่ 8 เป็นกองทัพหลวงมีกำลัง 50,000 คน พระเจ้าปดุงเป็นแม่ทัพ เข้าชุมพล
เมืองเมาะตะมะ (เมื่อเดอื น 12 ปีมะเสง็ พ.ศ. 2328)
          กองทพั ที่ 4, 5, 6, 7, 8 เคล่อื นที่ตามกัน เขา้ ทางดา่ นพระเจดียส์ ามองค์
          กองทพั ท่ี 9 จอข่องนรทา เปน็ แมท่ ัพกำลงั 5,000 คน เข้าทางดา่ นแมล่ ะเมา (ชุมพลทเ่ี มาะตะมะ)
เพื่อเข้าตเี มืองตาก – กำแพงเพชร แลว้ มาบรรจบทัพหลวงท่กี รงุ เทพฯ
        ฝ่ายไทย สำรวจกำลังพลปรากฏมีกำลังพลเพียง70,000 คนซึ่งน้อยกว่าข้าศึก ดังนั้นจึงจัดทัพ
เป็น 4 กองทพั คอื
          กองทัพที่ 1 (ด่านแม่ละเมา) กรมพระราชวังหลัง เป็นแม่ทัพกำลัง 15,000 คนยับยั้งข้าศึก
ที่นครสวรรค์ มใิ หข้ ้าศึกส่วนนีเ้ คลื่อนกำลังลงมากรงุ เทพฯ
          กองทัพที่ 2 (ด่านพระเจดีย์สามองค์) กรมพระราชวังบวร ฯ เป็นแม่ทัพ กำลังพล 30,000 คน
กองทพั ที่ 2 มีความสำคญั จะต้องสกดั กั้นกองทัพหลวงของพมา่ ซ่ึงมีกำลังมากมใิ ห้เขา้ กรงุ เทพฯไดแ้ ละต้องขับไล่
พมา่ ใหอ้ อกไปพ้นราชอาณาจักรใหจ้ งได้
          กองทพั ที่ 3 เจ้าพระยาธรรมา (บญุ รอด) เปน็ แม่ทัพ เจ้าพระยายมราชเปน็ ผู้ชว่ ย กำลงั 5,000 คน
ทำหน้าที่รักษาเส้นทางลำเลียง ป้องกันปีกให้แก่กองทพั ที่2 และสกัดกั้นพม่าทีย่ กเขา้ มาตี ราชบุรี – เพชรบุรี
เพ่ือจะไปบรรจบกบั กองทัพพม่าที่ชมุ พร
          กองทัพที่ 4 เป็นกองทัพหลวง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นจอมทัพ บังคับบัญชา
กำลัง 20,000 คน ทำหน้าทเี่ ป็นกองหนนุ ทัว่ ไป เพื่อช่วยด้านทจ่ี ำเป็น
การสงครามครง้ั นมี้ ีการรบครง้ั สำคัญ
      1. การรบที่ลาดหญ้า ฝ่ายไทยทราบว่าพมา่ จะยกกำลังจำนวนมากเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ม่งุ
ยึดกรุงเทพ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท แม่ทัพท่ี 2 รบั ผดิ ชอบพนื้ ท่ีเมืองกาญจนบุรี เพื่อทำลายขับไล่
ข้าศึกส่วนนี้ให้พ้นจากราชอาณาเขต จึงให้พระยามหาโยธา (เจ่ง) คุมกองมอญ 3,000 คน วางกำลัง
ที่ด่านกรามช้างทำหน้าที่เป็นกองรักษาด่านรบ (COMBAT OUT POST) เพื่อรั้งหน่วงการรกุ เข้ามาของข้าศึก
และให้จัดหมู่ตรวจ ให้ทราบการเคลื่อนไหวของข้าศึกตลอดเวลา เพื่อให้ส่วนใหญ่มีเวลาพอในการต้านทาน
ข้าศึกโดยจะใช้ทุ่งลาดหญ้าเป็นแนวต้านทานหลัก (MAINLINE OF RESISTANCE) ในขั้นต้นและเม่ือมีโอกาส
กลับทำการรุกกใ็ ชแ้ นวเป็นแนวออกตี (LINE OF DEPARTURE) ในโอกาสนน้ั วางแนวตง้ั รบั ในทุ่งลาดหญ้าสกัด
ชอ่ งทางท่ีฝ่ายพมา่ จะรุกเข้ามา
      ฝ่ายมหาโยธา (เจ่ง) วางกำลังเพื่อทำการรบหน่วงเวลาที่ด่านกรามช้าง และจัดหมู่ตรวจตลอดเวลา
ประมาณเดอื น ธ.ค. 2328 กองทัพที่ 4 ของพม่าได้เคล่ือนกำลังผ่านแขวงไทรโยค แล้วเดินตัดมาริมแม่น้ำแคว
ใหญ่ ที่เมืองท่ากระดาน และได้เคลื่อนที่มาจนถึงด่านกรามช้าง กองรักษาด่านของไทยในความควบคุม
พระมหาโยธาได้ต่อสู้กับกองทัพที่ 4 ของพม่า กำลังของไทยน้อยกว่าจึงถอนตัวและมารวมกำลังส่วนใหญ่
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54