Page 50 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 50
48
ที่ทุ่งลาดหญ้า ขณะนั้นกองทพั ท่ี 2 ของของกรมพระราชวังบวรพร้อมอยู่แล้ว กองทัพที่ 4 ของพม่าไล่ติดตาม
กองรักษาด่านของพระยามหาโยธาพอมาถึงคา่ ยไทยซงึ่ ต้งั ม่ันอยู่ที่ทงุ่ ลาดหญ้า พม่าก็ตรงเข้าตีไทยทันที ม่ันใจ
วา่ จะโถมกำลงั ทะลทุ ะลวง (เจาะ) ฝ่ายไทยโดยฉบั พลนั และฝา่ ยไทยเตรยี มการอยู่กอ่ นแล้ว ทหารมีความสดช่ืน
มีเวลาพกั อยู่หลายวนั ได้เข้ารบกบั พมา่ เป็นสามารถล้อมจบั พม่าไดก้ องหนง่ึ ฝ่ายไทยเขา้ กระหน่ำหม่า พม่าเกรง
เสียที จึงไปตั้งมั่นตามแนวเขาหวังว่าจะรอกองทัพท่ี 5 ของพม่ามาสมทบเพื่อรวมกำลังโจมตีต่อไปใหม่
พอกองทัพที่ 5 ของพม่ามาถึง วางกำลังต่อกองทัพท่ี 4 เพื่อมุ่งหวังรวมกำลังเข้าตีไทยพร้อมกันทั้ง 2 กองทัพ
ดังน้นั กำลงั พม่าทง้ั สองกองทัพจึงเปน็ แนวเดยี วกัน กำลังประมาณ 15,000 คน
กรมพระราชวังบวร ฯ พจิ ารณาหนทางเอาชนะพมา่ เกิดแนวความคดิ
ประการที่ 1 กองทัพที่ 2 จะรักษาทุ่งลาดหญ้าไว้ใหไ้ ด้ และตัดกำลังหนนุ เน่ืองของพม่าให้อ่อนกำลัง
ไม่ให้สามารถยึดกรุงเทพได้ จะต้องทำให้ข้าศึกอ่อนกำลัง คือป้องกันไม่ให้ข้าศึกส่งเสบียงได้สะ ดวก เมื่อ
อดอยากกต็ อ้ งทำใหข้ า้ ศกึ อ่อนกำลัง
ประการที่ 2 ต้องใช้ปืนใหญย่ งิ รบกวนข้าศึกตลอดเวลาจะทำให้ขา้ ศกึ สญู เสีย และเสยี ขวญั
ประการท่ี 3 พยายามลวงข้าศกึ ใหค้ ดิ ว่าไทยมีกำลงั มากวา่ ทำให้ข้าศกึ เสยี ขวัญ
ประการท่ี 4 เมอ่ื ข้าศึกอ่อนกำลัง และเสยี ขวัญมากแลว้ เขา้ ตพี รอ้ มกนั ดว้ ยวิธจี ูโ่ จม
ถ้าสามารถปฏบิ ตั ิตามแนวคดิ 4 ประการไดส้ ำเร็จ ขา้ ศึกสว่ นน้ีจะต้องแพแ้ ละถอนกำลงั กลับพม่าอย่าง
แน่นอน เมื่อพระองค์คิดได้ตามข้อพิจารณาจึงสั่งให้ พระยาสีหราชเดโชชัย พระยาท้ายน้ำ พระยาเพชรบุรี
นำกำลัง 500 คนไปตั้งฐานปฏิบัติการที่พุตะไคร้ เพื่อซุ่มโจมตี (AMBUSH) หน่วยลำเลียงเสบียง และแย่งชิง
เสบียงข้าศึกซึ่งลำเลียงมาทางลำน้ำ เพื่อมิให้ข้าศึกลำเลียงเสบียงได้สะดวก ปรากฏว่าพระยาทั้งสามทำงาน
ไม่ได้ผลจึงสั่งประหารชีวิตพระยาทั้งสามเสีย และให้พระองค์เจ้าขุนเณร (เป็นน้องกรมพระราชวังหลัง (ร.1)
ร่วมบิดาเดียวกัน) ทำหน้าที่แทนเพิ่มกำลังให้ 1,000 คน รวมกำลังเป็นหน่วยซุ่มโจมตีที่พุตระไคร้ มีกำลัง
1,500 คน พระองค์เจ้าขุนเณรเป็นบุคคลที่มีไหวพรบิ และกล้าหาญ โดยแบ่งกำลังออกเป็นจุดและสามารถสง่
ข่าวถึงกันได้เมื่อเห็นข้าศึกลำเลียงเสบียงมาก็รวมกำลังเข้าปล้นเสบียง ของข้าศึก และโจมตีข้าศึกจนลำเลียง
เสบียงไม่สะดวก ทำใหท้ หารในกองทพั ท่ี 4 และ5 ของพม่าอดอยาก
ในโอกาสเดียวกนั กรมพระราชวงั บวรฯ ใชป้ นื ใหญโ่ ดยใช้ท่อนไมเ้ ปน็ กระสนุ ระดมยิงตลอดเวลา การใช้
กระสุนไม้ไม่ต้องลำเลียงจากกรุงเทพฯ เสียเวลา สามารถยิงตลอดเวลาเพราะลำกล้องไม่ร้อน ทำให้ฝ่ายพม่า
เสียหายยับเยิน ฝ่ายพม่ายิงโต้ตอบด้วยปืนใหญ่เช่นกัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะปืนใหญ่โบราณเป็นวิธีราบ
ลดลำกลอ้ งให้ตำ่ ก็ตดิ เขาขึ้นเชิงเทนิ ก็ถกู ฝา่ ยไทยยงิ เชิงเทนิ พงั ทลาย
กองทัพที่ 6, 7 ของพม่าพยามหนุนกำลังมาช่วย กองทัพที่ 6 ของพม่ามาตั้งทีท่ ่าดินแดง กองทัพที่ 7
มาต้ังท่ีสามสบ พระเจ้าปดงุ คุมกองทพั ท่ี 8 อย่ปู ลายแมน่ ้ำลอนซี เลยด่านพระเจดยี ์สามองค์ไปในพม่า กองทัพ
ท่ี 6, 7 ไม่อาจช่วยกองทพั ท่ี 4, 5 ได้ และเปน็ การเอากำลังมาอัดและรับทกุ ข์ทรมานด้วยการขาดแคลนอาหาร
และน้ำซำ้ ยังถูกปืนใหญก่ ระสนุ ไม้ของไทยถล่มยงิ ตลอดเวลา
การแสดงลวงกำลังน้อยให้คิดว่าเป็นกำลังมาก พอตกเวลาพลบค่ำกรมพระราชวังบวรฯ ให้ทหาร
บางส่วนลอบออกไปนอกค่าย เช้ามืดก็ถือธงทิวเคลื่อนท่ีเข้ามาทำเช่นนีอ้ ยู่หลายเพลา พม่าที่อยู่บนเขาเห็นว่า

