Page 14 - โครงงาน เรื่อง การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YOUTUBE
P. 14
6
5)ภาษาช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคม
ื่
บางครั้งมนุษย์เราใช้ภาษาเพอสื่อความบางอย่างนอกเหนือไปจากความหมายตรงตามอกษร
ั
ั
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้พภาษาองกฤษพบกันก็มักจะทักกันว่า “How are you?” โดยไม่ได้คาดหวัง
ู
ค าตอบที่แท้จริง (ผู้ที่ตอบก็มักตอบไปตามแบบแผนว่าตนสบายดีโดยไม่ได้เจาะจงว่าต้องให้ข้อมูล
ความเป็นอยู่ของตนตามจริงแก่ผู้ถาม) คนไทยมักจะถามว่า “ไปไหนมา” โดยไม่ได้คาดหวังว่าที่จะได้
ค าตอบอย่างจริงจังเช่นกัน หรือบางครั้งเมื่อเราก าลังรับประทานอาหารอยู่และมีผู้ที่เราแน่ใจว่า
รับประทานอาหารไปแล้วมาเยี่ยมเยือน เราก็ต้องเอยปากชวนผู้นั้นให้ร่สมรับประทานอาหารด้วยตาม
่
มารยาท ทั้งๆที่เราแน่ใจว่าคนนั้นจะตอบปฏิเสธ จะเห็นได้จากตัวอย่างข้างต้นว่าภาษามีหน้าที่มากไป
ั
กว่าการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลตามตัวอกษร (ใคร ท าอะไร ที่ไหน อย่างไร ฯลฯ) ภาษาสามารถใช้
เป็นเครื่องมือในการผูกติดและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกซึ่งกันและกันในสังคม
6)ภาษาสร้างความงาม
ื่
ี
มนุษย์เราจะไม่ได้กระท าสิ่งต่าง ๆ เพยงเพอใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ แต่เรายังค านึงถึง
ี
ความงาม ความสะดวกสบายจากการกระท านั้น ๆ ด้วย เช่น ไม่เพยงแต่รับประทานอาหารให้มีชีวิต
รอด แต่เรายังค านึงถึงรสชาติและการจัดจานชามให้แลดูน่ารับประทาน การใช้ภาษาก็เช่นกัน มนุษย์
เราไม่ได้ค านึงถึงแค่การสื่อสาร แต่ยังตระหนักถึงความงามอนมาจากถ้อยค าและเสียงในภาษาด้วย
ั
ศิลปะอนเนื่องมาจากถ้อยค าเรียกกันว่า “วรรณศิลป์” หากเน้นไปที่การใช้ภาษาพดเรียกว่า
ั
ู
“วาทศิลป์” ความงามจากภาษาไม่จ าเป็นต้องปรากฏในภาษาที่มีความอลังการอย่างในวรรณคดีหรือ
สุนทรพจน์เท่านั้น การใช้ภาษาในชีวิตประจ าวันเราสามารถใช้ความงามของภาษาได้ เช่น การใช้
ภาษาที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน น่าติดตาม ท าให้ผู้อานหรือผู้ฟงเกิดอารมณ์ร่วมหรือ
่
ั
ความรู้สึกสบายใจ สิ่งนี้นับว่าเป็นความงามจากภาษาเช่นเดียวกัน (จรัลวิไล จรูญโรจน์, 2559)
กล่าวสรุปได้ว่า ภาษานั้นเป็นปัจจัยส าคัญที่ก่อให้เกิดความเป็นอนหนึ่งอนเดียวกันของสังคม
ั
ั
ก่อให้เกิดวัฒนธรรม อารยธรรมและเกิดการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนั้นภาษายังเป็น
เครื่องมือสื่อสารที่ส าคัญของมนุษย์อีกด้วย
ภาษาเป็นเครื่องกล่อมเกลาวัฒนธรรม
ิ
โครงสร้างภาษาในสังคมหนึ่งๆ เช่น ศัพท์ ไวยากรณ์ ในภาษานั้นจะมีอทธิพลในการเรียนรู้
เกี่ยวกับโลกรอบตัวในสายตาของบุคคลผู้นั้น ภาษายังท าให้แต่ละคนได้สังเกตจดจ า ในขอบข่ายของ
ภาษานั้นๆ ที่วางแนวไว้ มีการตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่าคนที่ใช้ภาษาต่างกันย่อมมองเห็นโลกในแง่ต่างกัน
ด้วย Whorf (1956) ได้สนับสนุนความคิดนี้โดยใช้ความรู้ทางภาษาศาสตร์ (linguistics) และความรู้
เกี่ยวกับภาษาประจ าแต่ละกลุ่ม ที่ว่าความแตกต่างในโครงสร้างภาษาแสดงให้เห็นวิธีการรับรู้

