Page 18 - โครงงาน เรื่อง การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YOUTUBE
P. 18
10
ื่
2) เพอการตัดสินใจ (Decision) กล่าวคือ ผู้รับสารสามารถก าหนดความคิดเห็นหรือ
ื่
เหตุการณ์ต่างๆรอบตัวเพอน ามาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดรับ
ข่าวสารนั้นๆ
ู
3) เพื่อพดคุยสนทนา (Discussion) กล่าวคือ ผู้รับสารสามารถน าข้อมูลที่ได้รับไปใช้เพอการ
ื่
สนทนา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น
ื่
4) เพอการมีส่วนร่วม (Participation) กล่าวคือ การเปิดรับข่าวสารสามารถท าให้ผู้รับสาร
รู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมรอบตัวได้
ดวงใจ พงศ์ไพฑูรย์(2544, อ้างถึงใน ชฏาภรณ์ สวนแสน, 2556, น. 33-34) ได้เสนอว่า ผู้รับ
สารสามารถเปิดรับข่าวสารจากแหล่งสาร 3 ลักษณะ คือ สื่อมวลชน (Mass media)
ื่
สื่อมวลชนเป็นสื่อที่เหมาะจะน ามาใช้เป็นเพอเสริมความเชื่อและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ฝัง
แน่นได้แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทัศนคติเป็นจะกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน แต่สื่อมวลชนก็สามารถ
เปลี่ยนแปลงการรับรู้ได้ในขอบเขตที่จ ากัด โดยสิ่งที่สื่อมวลชนสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด คือ
อารมณ์ การเลือกเปิดรับจากสื่อมวลชนนั้นมักจะขึ้นอยู่กับความต้องการและแรงจูงใจของผู้รับสารเอง
เนื่องจากกลุ่มผู้รับสารของสื่อประเภทนี้คือกลุ่มคนขนาดใหญ่และหลากหลาย ไม่สามารถเจาะจงได้
มากนัก สามารถส่งสารถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็ว สื่อบุคคล (Personal media) หมายถึง บุคคลที่น าสาร
ี
จากบุคคลหนึ่งไปสู่อกบุคคลหนึ่งโดยอาศัยการติดต่อระหว่างบุคคล(Interpersonal
communication) จัดเป็นช่องทางที่เกี่ยวโยงกับระบบสังคม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ระหว่างกันที่
รวดเร็วมีลักษณะยืดหยุ่น สามารถปรับให้เหมาะกับผู้รับสารเฉพาะกลุ่มได้ โดยสื่อบุคคลจะมี
ประโยชน์อย่างมากในกรณีที่ผู้ส่งสารต้องการให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนและรับรู้ถึงความรู้สึก
ของผู้รับสารในทันที และสื่อเฉพาะกิจ (Specialized media) โดยธรรมชาติของสื่อเฉพาะกิจ มักจะ
ถูกผลิตขึ้นโดยมีเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม และกลุ่มเป้าหมายหลักในการส่งสารครั้งนั้นๆอย่างชัดเจน
ั
ตัวอย่างสื่อเฉพาะกิจ เช่น แผ่นพบ โปสเตอร์ คู่มือ เป็นต้น ท าให้การรับสารจากสื่อเฉพาะกิจนั้นผู้รับ
สารจะได้รับข้อมูลหรือความรู้ในลักษณะเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเจาะจง
ส่วนขวัญเรือน กิติวัฒน์ (2531) กล่าวว่า ปัจจัยที่ท าให้บุคคลมีการเปิดรับข่าวสารที่แตกต่าง
กัน แบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน คือ
1) ปัจจัยด้านบุคลิกภาพและจิตวิทยาส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว ซึ่งเป็นผลมาจาก
ลักษณะภูมิหลังและวิถีการด ารงชีวิตที่แตกต่างกัน ส่งผลถึงระดับสติปัญญา ความคิด ทัศนคติ
ตลอดจนกระบวนการรับรู้ การจูงใจ
2) ปัจจัยด้านสภาพความสัมพนธ์ทางสังคม เนื่องจากบุคคลมักยึดติดกับกลุ่มสังคมหรือกลุ่ม
ั
อ้างอิงที่อยู่รอบตัวในการตัดสินใจที่จะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมนั้นๆ กล่าวคือ บุคคลมักคล้อยตามกลุ่ม
ในแง่ความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ

