Page 105 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 105
105
และเจ้าหนี้แต่ละคนจะเรียกชำระหนี้ได้ก็แต่เพื่อได้ประโยชน์ด้วยกันหมดทุกคนเท่านั้น อนึ่งเจ้าหนี้แต่
ละคนจะเรียกให้ลูกหนี้วางทรัพย์ที่เป็นหนี้นั้นไว้เพอประโยชน์แห่งเจ้าหนี้หมดทุกคนด้วยกันก็ได้ หรือ
ื่
ถ้าทรัพย์นั้นไม่ควรแก่การจะวางไว้ ก็ให้ส่งแก่ผู้พทักษ์ทรัพย์ซึ่งศาลจะได้ตั้งแต่งขึ้น นอกจากนี้
ิ
ื่
ื่
ข้อความจริงใดที่ท้าวถึงเจ้าหนี้คนหนึ่งเท่านั้นหาเป็นไปเพอคุณหรือโทษแก่เจ้าหนี้คนอนๆ ด้วยไม่”
ื่
ดังนั้นหากมีการเรียกร้องเอาทรัพย์คืนจากคู่กรณีต้องเป็นการทำเพอเจ้าของทุกคน เช่น หุ้นส่วน
้
ื่
ผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนคนเดียวฟองคดีเพอห้างหุ้นส่วนได้ ไม่ต้องให้ผู้เป็น
หุ้นส่วนทุกคนเข้าชื่อเป็นโจทก์ เป็นต้น
ิ
้
คำพพากษาศาลฎีกาที่ 235/2502 เจ้าของรวมคนหนึ่งฟองขับไล่ผู้เช่าที่ดินได้ เพราะ
้
เป็นการใช้สิทธิต่อสู้จึงฟองได้ตามมาตรา 1359 ส่วนที่ว่าการเรียกร้องเอาทรัพย์คืนต้องอยู่ใต้บังคับ
ของมาตรา 302 หมายความว่า เมื่อได้ทรัพย์คืนมาแล้ว ต้องเอาเป็นเจ้าของร่วมกน จะเอาเป็นของคน
ั
คนเดียวไม่ได้
ิ
คำพพากษาศาลฎีกาที่ 298/2508 เจ้าของรวมคนหนึ่งอาจใช้สิทธิครอบไปถึง
ี
ื่
ทรัพย์สินทั้งหมดเพอต่อสู้บุคคลภายนอกได้ฉะนั้น ผลแห่งคดีที่แม้เจ้าของรวมเพยงคนเดียวเป็นโจทก์
ั
ื่
ฟอง ก็ย่อมต้องผูกพนถึงเจ้าของรวมคนอนๆ ด้วย เหตุนี้ถ้าเจ้าของรวมคนอนมาฟองใหม่อก จึงเป็น
ื่
ี
้
้
ฟ้องซ้ำ
3. สิทธิใช้สอยและได้ดอกผล
ั
การมีสิทธิใช้สอยทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์รวมกนนั้น กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรวมคน
ื่
หนึ่งๆ มีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอนๆ กล่าวคือต้องให้
ื่
เจ้าของรวมคนอนใช้ด้วย เช่น การที่มีสิทธิครอบครองที่นาร่วมกันโดยยังมิได้แบ่งแยกกันเป็นสัดส่วน
ว่าของใครเท่าใดและอยู่ตรงส่วนไหน ย่อมมีสิทธิเข้าทำนาที่พพาทได้ตามมาตรา 1360 และเมื่อมิได้
ิ
ิ
ิ
ห้ามปรามมให้อีกคนเข้าทำนาที่พพาท จึงไม่เป็นการใช้ทรัพย์สินขัดต่อสิทธิของฝ่ายนั้น จึงไม่มีอำนาจ
ฟ้องขับไล่ฝ่ายที่ทำนาอยู่ อีกทงกฎหมายสันนิษฐานไว้ว่ามีสิทธิได้ดอกผลตามส่วนที่มีในทรัพย์นั้น หรือ
ั้
อาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ ทั้งในดอกผลธรรมดาและดอกผลนิตินัย เพราะดอกผลที่ได้จากการมีหรือ
ใช้ทรัพย์นั้นไม่สามารถแบ่งกันได้ เช่น มารดาและบุตรเป็นเจ้าของรวมในตึกแถวตกลงให้บุตรเก็บค่า
เช่าคนเดียวได้
คำพพากษาศาลฎีกาที่ 267/2538 บ้านพพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ฉ.
ิ
ิ
จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และนาย ฉ. ร่วมกัน เมื่อนาย ฉ. อนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรที่เกิดจาก

