Page 103 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 103

103





                                                            บทที่ 7

                                                         กรรมสิทธิ์รวม





                                 ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ บรรพ 4 ตั้งแต่มาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 เป็น
                                                   ่
                       หลักกฎหมายเรื่องกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งทรัพย์สินอนเดียวอาจมีเจ้าของกรรมสิทธิ์หลายคนตั้งแต่สองคน
                                                              ั
                       ขึ้นไป ถ้าทรัพย์สินเป็นของบุคคลหลายคนรวมกัน กฎหมายให้ใช้บทบัญญัติในเรื่องกรรมสิทธิ์รวมนี้

                                     ี
                       บังคับ เว้นแต่จะมกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอน เช่น การเอาสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นมารวมเป็นส่วน
                                                              ื่
                       ควบตามมาตรา 1316 ทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนที่ยังไม่ได้จดทะเบียน หรือทรัพย์สินระหว่างสามี

                       ภริยา เป็นต้น เจ้าของรวมอาจได้มาโดยนิติกรรมหรือโดยผลของกฎหมาย



                       การเป็นเจ้าของรวม

                                 ถ้าทรัพย์สินเป็นของบุคคลหลายคนรวมกันตามมาตรา 1356 ให้นำบทบัญญัติตั้งแต่

                       มาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 ใช้บังคับ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอน เช่น กรรมสิทธิ์
                                                                                           ื่
                       รวมในอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 เกี่ยวกับการมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งเป็น

                                                      ั
                       ส่วนกลางอนถือว่าเป็นทรัพย์สินร่วมกน (วิชัย  ตันติกุลานันท์.  2541 : 3) สินสมรสบังคับตามมาตรา
                                ั
                       1476-1486 ทรัพย์สินที่เป็นทรัพย์มรดกให้นำมาตรา 1750 มาใช้บังคับเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินโดย

                                                                    ั
                       การครอบครองเป็นส่วนสัด (วิริยะ  นามศิริพงศ์พนธ์.  2545 : 158) คำว่า “กรรมสิทธิ์รวม”
                       หมายความว่า บุคคลหลายคนนั้นต่างก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินรวมกันโดยมิได้แยกสัดส่วนว่าผู้ใดเป็น

                                                                                                ั
                       เจ้าของส่วนใดของทรัพย์สิน เจ้าของรวมตามมาตรา 1357 นั้นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินอนรวมกันไม่
                       ทราบว่าส่วนของใครเท่าไร ตรงไหนในทรัพย์นั้นๆ กฎหมายจึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมม ี

                       ส่วนเท่ากัน (บัญญัติ  สุชีวะ.  2540 : 214) แต่ถ้าโฉนดที่ดินมีชื่อบุคคลสองคนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่

                       ได้จดทะเบียนบรรยายส่วนของใครไว้ในโฉนดแล้วว่าของใครอยู่ตอนไหน เป็นจำนวนเนื้อที่เท่าไรชัด

                       แจ้งแล้ว เช่นนี้จึงไม่ใช่การเป็นเจ้าของรวม ทั้งนี้บทสันนิษฐานตามมาตรา 1357 ในเรื่องสัดส่วนของ


                       เจ้าของรวมนี้ไม่เด็ดขาดเพราะยังเปิดโอกาสให้นำสืบหักล้างได้แม้ว่าจะมีชื่อร่วมกันในโฉนด เป็นแต่
                       เพยงสันนิษฐานว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่าๆ กัน หาเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดไม่ หากได้ความว่าซีก
                         ี
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108