Page 20 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 20

20





                            การแบ่งที่ดินทั้ง 2 แบบทำให้เกิดผลทางกฎหมายแตกต่างกันหลายประการ เช่น การ
               จดทะเบียนการโอน การครอบครองปรปักษ์ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะการครอบครองปรปักษ์นั้นจะมีได้


               เฉพาะในทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์เท่านั้น ถ้าเป็นทรัพย์สินที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ก็ไม่อาจที่จะครอบครอง
               ปรปักษ์ได้ ส่วนที่ดินที่มีแต่สิทธิครอบครองหากถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 1 ปี ผู้ครอบครองเดิม


                        ้
               ก็ไม่อาจฟองเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ตามมาตรา 1375 นอกจากนี้ที่ดินที่มีเพยงสิทธิครอบครอง
                                                                                   ี
               สามารถโอนกันได้โดยการสละการครอบครองและส่งมอบการครอบครอง ตามมาตรา 1377 และ

               มาตรา 1378 ส่วนที่ดินที่มีโฉนดต้องทำตามแบบโดยเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน

                                                    ้
               เจ้าหน้าที่มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆะ และหากอางการได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินนั้นจะต้อง
               มีการครอบครองโดยสงบ เปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของจนครบ 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์โดยผลของ

               กฎหมายได้ (สมจิตร  ทองประดับ.  2544 : 56)

                         2. ทรัพย์ติดกับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวร

                            ทรัพย์ติดกับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรให้ถือว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ด้วยนั้น เหตุผล

               สืบเนื่องมาจากกฎหมายโรมันดั้งเดิมที่ว่าสิ่งใดปลูกปักลงไปในที่ดินย่อมตกไปเป็นที่ดินด้วย

               (Quicquid solo plantatur solo) (ม.ร.ว. เสนีย์  ปราโมช.  2521 : 35) ซึ่งทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมี

               สภาพหรือลักษณะเป็นการถาวรโดยพจารณาจากส่วนเชื่อมติดกับที่ดิน เช่น บ้านเรือน อาคาร ตึก
                                                ิ
               สะพาน ยุ้งข้าว ทางด่วน อนุสาวรีย์ พระบรมรูปทรงม้า หอนาฬิกา รั้วกำแพงที่สร้างขึ้นติดกับที่ดิน

               เป็นต้น การติดกับที่ดินของทรัพย์เหล่านี้ต้องมีลักษณะถาวร แต่ไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับที่ดินยาวนาน

               ไปตลอดกาล เช่น เมื่อสร้างบ้านขึ้น ต่อมาอาจจะรื้อบ้านเพอย้ายไปปลูกที่อนก็ได้ แต่โดยสภาพของ
                                                                              ื่
                                                                 ื่
               บ้านแล้วย่อมติดอยู่กับที่ดินอย่างถาวรโดยไม่จำต้องพิจารณาที่เจตนาของผู้สร้างเพื่อมาเป็นตัวกำหนด

               ว่าทรัพย์นั้นติดกับที่ดินถาวรหรือไม่ถาวร เว้นแต่กรณีการโอนขายบ้านซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้น

               เจ้าของสามารถแสดงเจตนาซื้อขายแบบเป็นสังหาริมทรัพย์โดยมีการตกลงให้รื้อถอนเอาไปก็ได้ และ

               ไม่จำต้องทำตามแบบของกฎหมาย แต่ทรัพย์บางอย่างไม่มีลักษณะติดอยู่กับที่ดินอย่างถาวร เช่น แผง

               ลอย นั่งร้าน ป้อมยามตำรวจ ชิงช้าสวรรค์ในงานวัด เต็นท์ละครสัตว์ หรือเต็นลูกเสือค้างแรม ร้านไม้

               กระบอกปลูกสร้างขึ้นในงานวัด ร้านยาดอง กระท่อมที่เคลื่อนย้ายได้ รถบดถนนจอดไว้บนดิน โองน้ำ
                                                                                               ่
               ขนาดใหญ่วางไว้บนดิน ท่อนไม้ขนาดใหญ่วางบนดิน เครื่องจักรโรงสี เป็นต้น แม้ว่ามีเจตนาจะให้

                                                                                     ั
               ทรัพย์เหล่านี้อยู่ ณ ที่นั้นตลอดไป แต่ทรัพย์เหล่านี้ก็ไม่เป็นทรัพย์อนติดอยู่กับที่ดินอนมีลักษณะเป็น
                                                                       ั
               การถาวร จึงไม่เป็นอสังหาริมทรัพย์ กรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นถ้ายกไปแล้วไม่มีการทำลายให้บุบ
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25