Page 27 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 27
27
8 (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 บัญญัติว่า “ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ถ้าทบวง
การเมือง รัฐวิสาหกิจหรือเอกชนจัดหาที่ดินมาให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทนแล้ว การถอนสภาพหรือโอน
ให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ แต่ถ้าพลเมืองได้เลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นหรือที่ดินนั้นได้เปลี่ยน
สภาพไปจากการเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และมิได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดตามอำนาจ
กฎหมายอื่นแล้ว การถอนสภาพให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา” แต่ต้องมิใช่การเลิกใช้หรือเลิกสงวน
ี
ไว้เพอประโยชน์ร่วมกันเพยงชั่วคราว หรือมีเหตุให้ไม่ได้ใช้เพยงชั่วคราว (บัญญัติ สุชีวะ. 2544 :
ื่
ี
142)
2. โดยผลแห่งกฎหมาย เช่นเมื่อมีการออกกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ให้เป็น
ของเอกชนตามมาตรา 1305 นอกจากนี้สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 (1) หากบุคคล
เข้าถือเอาตามประมวลกฎหมายที่ดิน ก็อาจสิ้นสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้
เช่นเดียวกัน
3. โดยธรรมชาติ หมายถึงทำให้หมดสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่น ทาง
ื้
น้ำ อาจตื้นเขินกลายเป็นพนดิน หากไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ ก็จะกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
เรียกว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่า (ประมูล สุวรรณศร. 2541 : 41) แต่หากทางน้ำตื้นเขินออกจากฝั่งไป
หาน้ำย่อมกลายเป็นที่งอกริมตลิ่ง หากงอกจากที่ดินเอกชน ที่ดินบริเวณนั้นย่อมเป็นของเอกชน ตาม
มาตรา 1308 ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง ที่งอกย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
บทสรุป
ในบทนี้กล่าวถึงหลักกฎหมายที่เกี่ยวกับประเภทของทรัพย์สิน 5 ประเภท ได้แก่
อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ ทรัพย์แบ่งได้ ทรัพย์แบ่งไม่ได้ และทรัพย์นอกพาณิชย์ ซึ่งเป็นการให้
ความหมายคำศัพท์ทางเทคนิคดังกล่าว ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในบรรพ 1
ตั้งแต่มาตรา 139 ถึงมาตรา 143 นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามบรรพ 4
้
ตั้งแต่มาตรา 1304 ถึงมาตรา 1307 ด้วย ทั้งนี้การมีความเขาใจเกี่ยวกับประเภทของทรัพย์สินนั้นย่อม
ส่งผลต่อการศึกษาหลักกฎหมายในบรรพ 4 ต่อไป เช่น การทำตามแบบของสัญญาซื้อขาย
อสังหาริมทรัพย์ การโอนกรรมสิทธิ์ในสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ การแบ่งแยกทรัพย์แบ่งได้ การถือ
กรรมสิทธิ์รวมกันในทรัพย์แบ่งไม่ได้ และการใช้ประโยชน์ร่วมกันในทรัพย์นอกพาณิชย์ที่เป็นสาธารณ
สมบัติของแผ่นดิน เป็นต้น

