Page 84 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 84

84





               บทบัญญัติของกฎหมายบัญญัติไว้แก่กรณีนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพง
                                                                                                 ่
               และพาณิชย์ได้บัญญัติถึงกรณีดังกล่าวไว้หลายกรณี เช่น การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยหลักส่วนควบตาม


               มาตรา 1308 ถึงมาตรา 1314 หรือการได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 เป็นต้น
                                แดนกรรมสิทธิ์นั้นอาจระงับสิ้นไปได้ 3 กรณี คือ โดยการแสดงเจตนา โดยผล


               แห่งกฎหมายและโดยสภาพทางธรรมชาติ กล่าวคือ

                                1.1.1 โดยการแสดงเจตนา กล่าวคือ ผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินสามารถแสดงเจตนา

                                                                              ื่
               ให้สิทธิในแดนกรรมสิทธิ์สิ้นไปได้โดยการโอนที่ดินซึ่งมีแดนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อนไป เช่น กรณีที่เจ้าของ
                                                          ื่
               ที่ดินได้แสดงเจตนาโอนสิทธิในที่ดินให้แก่บุคคลอนตามสัญญาซื้อขาย ผู้โอนย่อมสิ้นสิทธิในแดน
               กรรมสิทธิ์ไปพร้อมกับการโอนกรรมสิทธิ์โดยทำสัญญาซื้อขายที่ดินนั้น เป็นต้น

                                1.1.2 โดยผลแห่งกฎหมาย กล่าวคือแดนกรรมสิทธิ์อาจสิ้นไปได้หากมีบทบัญญัติ

               ให้บุคคลอื่นได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ เช่น การครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 เจ้าของที่ดินเดิมซึ่ง

               ถูกบุคคลอื่นแย้งการครอบครองไปย่อมสูญสิ้นแดนกรรมสิทธิ์พร้อมกบการสิ้นไปของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
                                                                       ั
               ด้วย เป็นต้น

                                1.1.3 โดยสภาพทางธรรมชาติ การสิ้นไปของแดนกรรมสิทธิ์ตามสภาพทาง

               ธรรมชาติเป็นการสิ้นไปในวัตถุแห่งสิทธิ ถ้าไม่มีที่ดินก็ไม่มีแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เช่น ที่ดินแปลงนั้น

               ถูกน้ำเซาะจนกลายเป็นทางน้ำสาธารณะ ย่อมทำให้แดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้นระงับสิ้นไปด้วย

               เป็นต้น

                            1.2  แดนกรรมสิทธิ์มีเฉพาะแต่ในที่ดิน จากข้อความทว่า “แดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น
                                                                        ี่
                                     ื้
                                                                                        ื
               กินทั้งเหนือพนดินและใต้พนดินด้วย” แสดงให้เห็นว่าวัตถุแห่งสิทธิของแดนกรรมสิทธิ์ก็คอสิทธิที่มีอยู่
                          ื้
                                                                     ี
               เหนือพนดินและใต้พนดิน และแดนกรรมสิทธิ์นี้ยังจำกัดแต่เพยงว่าจะมีได้เฉพาะในที่ดินเท่านั้น
                      ื้
                                  ื้
               ทรัพย์สินอนจึงไม่อาจเป็นวัตถุแห่งสิทธิที่จะมีแดนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายได้ มาตรา 1335 จำกัดไว้ให้
                        ื่
               เป็นแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่านั้น ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะมีแดนเช่นนี้ไม่ได้ (ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช.
                                                                                                 ื่
               2521 : 234) และอนุญาตให้มีแดนกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดินเท่านั้นมิได้อนุญาตถึงอสังหาริมทรัพย์อน
               ด้วย (บัญญัติ  สุชีวะ.  2535 : 168) อสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมมีแดนกรรมสิทธิ์แต่สังหาริมทรัพย์นั้น

               กล่าวได้ว่าไม่มีแดนกรรมสิทธิ์หรือมีแดนกรรมสิทธิ์อยู่แต่เฉพาะตัวของมันเอง (ประมูล  สุวรรณศร.

                                                                                    ื่
               2501 : 216) ดังนั้นแดนกรรมสิทธิ์จะมีได้เฉพาะในที่ดินเท่านั้น สังหาริมทรัพย์อนไม่สามารถมีได้
               เพราะโดยความเป็นจริงแล้วสังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์ โต๊ะ เก้าอ สุนัข ไก่ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่
                                                                       ี้
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89