Page 89 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 89
89
อำนาจแห่งกรรมสิทธิ์
ื่
กรรมสิทธิ์เป็นทรัพยสิทธิที่บุคคลมีอยู่เหนือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ สามารถยันกับบุคคลอน
ทั่วไปได้ ดังนั้นผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินย่อมมีสิทธิต่างๆ เหนือทรัพย์สินนั้น เช่น สิทธิใช้สอย
จำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่ง
ทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อนสอดเข้าเกี่ยวข้องกับ
ื่
ทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1336 ว่า “ภายในบังคับแห่งกฎหมาย
เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้ง
มีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้
ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”
สิทธิในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น กฎหมายกำหนดให้เจ้าของมีอำนาจกรรมสิทธิ์ 5
ประการ คือ ใช้สอย จำหน่ายจ่ายโอน ได้ซึ่งดอกผล ติดตามเอาคืนจากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ และ
ขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้
1. ใช้สอย หมายถึงการใช้สอยทรัพย์สินตามสภาพหรือลักษณะของทรัพย์นั้น เช่น เป็น
เจ้าของรถยนต์ก็สามารถที่จะขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ เป็นเจ้าของบ้านก็ใช้บ้านในการอยู่อาศัย
เป็นเจ้าของที่ดินก็สามารถเพาะปลูกทำประโยชน์ในที่ดินได้ เป็นต้น แต่การใช้สอยก็ต้องอยู่ภายใต้
ื่
ั
บังคับของกฎหมายอนด้วย เช่น จะใช้แรงช้างในการลากซุงอย่างหนักอนมีลักษณะเป็นการทารุณสัตว์
ย่อมมีความผิดตามมาตรา 381 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือเป็นเจ้าของเครื่องเสียงแต่จะเปิด
ั
เพลงเสียงดังๆ อนเป็นการรบกวนสิทธิของผู้อนได้รับความเดือนร้อนย่อมมีความผิดตามมาตรา 370
ื่
ั
ที่ห้ามส่งเสียงดังโดยไม่มีเหตุอนสมควร การใช้สิทธิเกินส่วนตามมาตรา 1337 โดยการก่อสร้าง
อสังหาริมทรัพย์บังลมบังแสงแดดจนทำให้อสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเดือดร้อน เป็นต้น แม้
่
เป็นการใช้สอยทรัพย์สินของตนเองก็จะต้องไม่กอให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อผู้อื่น ถ้ามีกฎหมาย
บัญญัติห้ามเอาไว้ก็จะใช้สิทธิเกินส่วนไม่ได้
2. จำหน่าย หมายความว่าเจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิในการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของ
ตนเองให้กับผู้อื่นได้ โดยการทำนิติกรรมสัญญา เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาแลกเปลี่ยน หรือสัญญาให้
สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง การชำระหนี้ เป็นต้น แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายนั้นด้วย (บัญญัติ
สุชีวะ. 2544 : 218) เช่น มาตรา 1700 วรรคแรก บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในหมวดนี้
บุคคลจะจำหน่ายทรัพย์สินใดๆ โดยนิติกรรมที่มีผลในระหว่างชีวิตหรือเมื่อตายแล้ว โดยมีข้อกำหนด

