Page 42 - book.sakeao62
P. 42

เอกสารโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาจังหวัดสระแก้ว :
                                                             การส่งเสริมสมรรถนะและทักษะสําคัญในศตวรรษที่ 21 หน้า 23


                       ผลิตหรือการบริการ ตลอดจนจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะที่สําคัญของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 สําหรับ
                       การวัดและประเมินผลจะเน้นการประเมินผลตามสภาพจริงและผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินตนเอง

                              การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ควรเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เตรียมตัวเพื่อใช้
                       ชีวิตในโลกที่เป็นจริง เน้นการศึกษาตลอดชีวิตด้วยวิธีการที่มีความยืดหยุ่น มีการกระตุ้นและจูงใจให้ผู้เรียน
                       ได้ฝึกคิดและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ผู้สอนต้องมีความสามารถในการออกแบบและอํานวยความ

                       สะดวกต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยผู้เรียนแสวงหาความรู้ผ่านการเรียนรู้จากการปฏิบัติ ดังนั้นผู้สอนต้อง
                       มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนสืบเสาะความรู้ (Inquiry Method) การจัดการเรียนรู้

                       แบบโครงงานเป็นฐาน (Project-base Learning) และการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (Problem-base
                       Learning) ตลอดจนส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

                              นอกเหนือจากสะเต็ม (STEM) ที่สัมพันธ์กับกลุ่มวิชา วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี
                       (Technology) วิศวกรรม (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) แล้ว หลายประเทศยังเพิ่ม

                       กลุ่มวิชาศิลปะ (Arts) โดยเรียกรูปแบบนี้ว่า สะตีม (STEAM)
                              รูปแบบการจัดการเรียนการสอนหรือการจัดการเรียนรู้บูรณการกลุ่มสาระการเรียนรู้ สามารถทํา

                       ได้ 5 แนวทาง คือ
                              1.  การเรียนรู้แบบสอดคล้อง (Coordinate Learning) เป็นการแยกสอนแต่ละรายวิชา แต่มี

                       เนื้อหาที่สอดคล้องกันเพื่อนําความรู้ไปเชื่อมโยงกัน เช่น ในช่วงชั้นหรือชั้นปีเดียวกัน เนื้อหาสาระของ
                       แต่ละวิชาที่ควรจะเชื่อมโยงกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เพียงพอสําหรับทําความเข้าใจในรายวิชาอื่น ๆ โดย
                       ที่ผู้สอนในรายวิชานั้นไม่ต้องสอนเพิ่มเติม

                              2. การเรียนรู้แบบเสริมกัน (Complement Learning) เป็นการเสริมความรู้ในรายวิชาอื่นที่
                       เกี่ยวข้องเพิ่มเติมลงในการเรียนรู้ในหัวข้อหลักของอีกรายวิชาหนึ่ง เช่น การสอนเรื่องหุ่นยนต์ (เทคโนโลยี)

                       ก็จะสอนเสริมในเรื่องวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (วิทยาศาสตร์) กระบวนการออกแบบ (วิศวกรรม) ตลอดจนการ
                       ใช้เหตุผล ตรรกะ สมการ การทดลองสุ่มและสถิติ (คณิตศาสตร์)

                              3. การเรียนรู้แบบสัมพันธ์กัน (Correlate Learning) เป็นการเรียนรู้แบบแยกวิชาแต่มีหัวข้อการ
                       เรียนรู้ร่วมกัน โดยเนื้อหาสาระจะสอดคล้องกับธรรมชาติของวิชานั้น เช่น การสอนเรื่องทักษะ

                       กระบวนการ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้จะสอนหัวข้อเดียวกันพร้อมกัน แต่ความแตกต่างคือแต่ละวิชา
                       จะศึกษาเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสาระการเรียนรู้ของตนเอง

                              4. การเรียนรู้โดยมีตัวเชื่อม (Connections Learning) เป็นการเรียนรู้โดยใช้วิชาใดวิชาหนึ่ง
                       เชื่อมโยงกับวิชาอื่น เช่น การใช้กระบวนการเทคโนโลยีในการเรียนรู้ในวิชาอื่น ๆ

                              5. การเรียนรู้แบบร่วมกัน (Combine Learning) เป็นการใช้ความรู้ของทุกวิชามาบูรณาการ
                       ร่วมกันเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา โยอาจกําหนดหลักสูตร กิจกรรม วิชาหรือบทเรียนใหม่ เช่น การสอน
                       กิจกรรมโครงงานบูรณาการ
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47