Page 420 - เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ประจำปี 2563 เล่มที่ 1
P. 420
415
ี
ภาพที่ 1 ตัวอย่างผลการสังเคราะห์ดเอ็นเอที่ได้จากการท าปฏิกิริยา M13-tagged two steps- PCR แบบที่
5, 6, 11 และ 12
ความจ าเพาะของวิธีการเทียบกับ nested-PCR
ิ
การทดสอบโดยใชตัวอย่างอ้อยจากแปลงที่ตรวจพบการตดเชื้ออื่นเมื่อตรวจโดยวิธี nested-PCR ท ี่
้
แสดงในลกษณะของแถบดเอ็นเอมากกว่าตาแหน่งดเอ็นเอเป้าหมาย ตาแหน่ง คอ 700 และ 210 คเบสท ี่
ี
ี
ู่
ื
ั
ี่
้
่
รบกวนการแปลผล แตเมื่อตรวจดวยวิธี M13-tagged two steps- PCR พบดเอ็นเอเป้าหมายทประมาณ
ี
200 และ 500 คู่เบส ไม่พบดีเอ็นเอรบกวนจากต าแหน่งอื่น ท าให้การอ่านผลท าได้ง่ายกว่า (ภาพที่ 2)
ภาพที่ 2 เปรียบเทียบความจ าเพาะของวิธีการตรวจโรคใบขาวด้วย nested-PCR (ซ้าย) และ M13-tagged
two steps- PCR (ขวา) ในตัวอย่างใบอ้อยทเก็บจากแปลงทดลอง
ี่
ความถกตอง (accuracy) และความครอบคลุม (broad spectrum) ในการตรวจเชื อไฟโต
ู
้
พลาสมา
์
เมื่อน าชิ้นดีเอ็นเอที่ได้จากตัวอย่างที่เป็น SCWL และ SCGS ไปเปรียบเทียบล าดับนิวคลีโอไทดแบบ
multiple sequence alignment ด้วยโปรแกรม ClustalW พบว่าล าดับนิวคลีโอไทด์บางส่วนของยีน 16s-
23s rDNA (N_1) จานวน 480 เบส (base) และ 16s-23s rDNA (N_2) จานวน 262 เบส (base) มีความ
เหมือนในฐานข้อมูล NICB ถึง 97 % และน าลาดบนิวคลโอไทดทวิเคราะห์ไดไปสร้างแผนภูมิความสัมพันธ์
ั
์
ี่
ี
้

