Page 422 - เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ประจำปี 2563 เล่มที่ 1
P. 422
417
ภาพที่ 3 เปรียบเทียบความสามารถในการแสดงระดับปริมาณเชื้อไฟโตพลาสมาด้วยวิธี nested-PCR (ซ้าย)
และวิธี M13-tagged two steps- PCR (ขวา) ในตัวอย่างใบอ้อยที่เก็บจากแปลงทดลอง
การทดสอบความไว (sensitivity) ของวิธีการ
อยู่ระหว่างการด าเนินการตรวจด้วยการเจือจางดีเอ็นเอพืช และการตรวจปริมาณเชื้อด้วยพลาสมิ
ดลูกผสมที่มีชิ้นยีนเป้าหมาย
การพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลใหม่ด้วยยีน Imp และความจ าเพาะต่อดีเอ็นเอดป้าหมาย
ู่
ท าการออกแบบไพร์เมอร์จ านวน 3 คู่ไพร์เมอร์ และคัดเลือกได้ 1 ค (Imp2) ที่ได้จากการออกแบบ
ไพร์เมอร์ชุดใหม่จากล าดับเบสที่ได้จากชุด 1250 คู่เบส ได้เป็นชิ้นดีเอ็นเอที่มีขนาด 800 คู่เบส (Imp2) น ามา
ิ
ี่
ื้
ั
ตรวจในอ้อยทตดเชอไฟโตพลาสมาทั้ง 3 ชนิด พบว่าสามารถตรวจพบดีเอ็นเอชดเจน จากนั้นน ามาทดสอบ
ความจ าเพาะกับชนิดของเชอโดยทดสอบในมันส าปะหลังที่แสดงอาการพุ่มแจ้ พบว่าไม่เกิดแถบดีเอ็นอ และ
ื้
ั
ื้
การทดสอบตรวจเชอในตวอย่างอ้อยปลอดโรคให้ผลเช่นเดียวกัน ในขณะที่การตรวจในอ้อยที่มีอาการใบขาว
ใบเขียว และใบเขียวปนขาว สามารถตรวจพบแถบดีเอ็นขนาดประมาณ 800 bp ได้ (ภาพที่ 4)
ภาพที่ 4 ผลจากการสงเคราะห์ดเอ็นเอดวย Primer Imp2 หมายเลข (1-5) ใบอ้อยจากการเพาะเลยง
้
ั
ี้
ี
ี่
เนื้อเยื่อ (6-9) ใบมันส าปะหลังทมีอาการโรคพุ่มแจ (10-12) อ้อยใบขาว ใบเขียว และใบเขียวปนขาว
้

