Page 29 - วิจัย-สังคมศึกษา-ปี 2559
P. 29
-22-
9. พยายามขจัดวิธีการบอกหรือบรรยายด้วยปากเปล่าออกไปให้มากที่สุด เพราะอาจจะท าให้เด็กเกิด
มโนภาพ เพื่อสร้างความคิดรวบยอดอย่างผิดๆ ได้ง่าย ซึ่งเราจะพบเห็นอยู่เสมอว่า ผู้ฟังปาฐกถามักจะสรุปหัวข้อ
ส าคัญ (Concept) ได้ไม่ค่อยจะตรงกัน ในกรณีของการสอนก็เช่นกัน
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ั
เพียเจต์ (Piaget) เป็นนักจิตวิทยาชาวสวิส มีชื่อเสียงทางด้านจิตวิทยาพฒนาการของเด็ก ได้ท าการ
ั
วิจัยเพอศึกษาเกี่ยวกับความคิด และความเข้าใจหรือการเรียนรู้ของเด็กในวัยต่างๆ แล้วได้ตั้งทฤษฎีพฒนาการ
ื่
ี
ทางสติปัญญาขึ้น ทฤษฎีของเพยเจต์ มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มาก เพียเจต์ได้สรุปเกี่ยวกับ
การเรียนรู้ของเด็กไว้ ดังนี้ (ส านักนิเทศและพัฒนามาตรฐานการศึกษา, 2541 : 17-18)
ั
ั
พฒนาการทางด้านสติปัญญา และความคิดจะพฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนเรามีปฏิสัมพนธ์
ั
(Interaction) กับสิ่งแวดล้อม เพราะการปฏิสัมพันธ์เป็นกระบวนการปรับตัว (Adaptation) ของอินทรีย์กับ
สิ่งแวดล้อมภายนอก โครงสร้างทางสมองจะถูกจัดระบบ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม หากโครงสร้างทาง
สมองสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ หรือยังเกิดความสงสัยต้องการจะรู้ จะเกิดสภาวะไม่สมดุล
(Equilibration) หรือเรียกว่าการเกิดการเรียนรู้
การปรับตัวเข้าสู่สภาวะสมดุล มี 2 วิธี คือ
1. การดูดซึมประสบการณ์ใหม่เข้าไป (Assimilation)
ิ
2. การปรับขยายกรอบโครงสร้างความรู้ความคดเดิมออกไปให้รับความรู้ใหม่ได้ (Accommodation)
เพียเจต์ ได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็นขั้นๆ โดยถือว่า พัฒนาการทางสติปัญญา แต่ละ
ขั้นจะพฒนาไปตามล าดับก่อนหลัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นใหญ่ๆ โดยเริ่มตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวัย
ั
เจริญเติบโตเต็มที่
การน าทฤษฎีของเพียเจต์มาใช้กับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
1. การสอนในระดับประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนโดยให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรง ในด้านที่เป็น
ุ
รูปธรรมให้มากที่สุด นั่นคือ การสอนโดยจัดให้มีวัสดุอปกรณ์ต่างๆ หรือให้เด็กได้พบได้เห็นกับสิ่งต่างๆ ด้วย
ตนเอง เพื่อจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดมโนทัศน์เกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ
2. นักเรียนในระดับมัธยมศึกษา มีความสามารถคิดในเชิงนามธรรมได้ การสอนบางส่วนอาจใช้วิธี
การศึกษาจากเอกสาร จากหนังสือหรือจากการบรรยายของครู แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่า ครูจะสอนโดยการ
บรรยายอย่างเดียว
ื่
3. การเลือกเนื้อหาหรือกิจกรรมเพอให้นักเรียน จะต้องเลือกให้เหมาะสมหากเรื่องที่สอนยากเกินกว่า
ที่เด็กจะเข้าใจ เด็กจะเกิดความเบื่อหน่าย
ั
4. สอดแทรกแง่คิดต่างๆ ในบางครั้ง เพอให้นักเรียนได้คิดเชื่อมโยง และขยายความเพอพฒนา
ื่
ื่
ความคิดของเด็ก

