Page 258 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 258

3. แนวทางการตรวจวินิจฉัย

                         • การวินิจฉัยมักจะเริ่มต้นมาจากการประเมินความเสี่ยงของสตรีตั้งครรภ์ เช่น ทารกเสี่ยงต่อโรค
                            ฮีโมโกลบินบาร์ท มีการติดเชื้อในมารดา ความเสี่ยงสูงต่อโครโมโซมผิดปกติ ทำให้ได้รับการตรวจ

                                                                                                             ้
                            คัดกรองและวินิจฉัยโดยละเอียด ก่อนที่จะมีอาการแสดงให้เห็นได้จากสตรีตั้งครรภ์เอง ซึ่งอาจไดแก่
                            ตรวจพบขนาดมดลูกโตกว่าอายุครรภ์ ทารกดิ้นน้อยลง ภาวะน้ำคร่ำน้อยเป็นต้น หรือบางรายอาจมา
                            ด้วยภาวะครรภ์เป็นพิษจาก mirror syndrome ที่ทารกมีภาวะบวมน้ำร่วมด้วย การวินิจฉัยส่วนใหญ่

                            เกิดจากการตรวจพบโดยบังเอิญขณะตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อคัดกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ใน

                            ไตรมาสแรกช่วงอายุครรภ์ 11-14 สัปดาห์ หรือตรวจดูความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ช่วงอายุครรภ์
                            18-22 สัปดาห์ หรือในบางรายอาจตรวจพบขณะตรวจติดตามการเจริญเติบโตของทารกในไตรมาส

                            ที่สาม หลังอายุครรภ์ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป

                         3.1 ลักษณะทางคลื่นเสียงความถี่สูง
                             ลักษณะบวมน้ำ (มีน้ำในช่องว่างของร่างกาย ชั้นใต้ผิวหนังบวม) ส่วนใหญ่จะไม่ปรากฏในครึ่งแรกของ

                  การตั้งครรภ์ ในช่วงไตรมาสที่สองจะพบได้ประมาณหนึ่งในสาม และพบบ่อยมากในครึ่งหลังของการตั้งครรภ์

                  ลักษณะทางคลื่นเสียงความถี่สูงของภาวะบวมน้ำ ได้แก่ (รูปที่ 1)
                            1) น้ำในช่องท้อง (ascites) จะเห็นเป็นแนวเส้นสีดำในช่องท้องในระยะเริ่มต้น ซึ่งต้องแยกจาก

                               pseudo-ascites ที่เกิดจากเงาของกล้ามเนื้อหน้าท้อง หรือ เยื้อหุ้มไขมันของลำไส้ ที่จะทำให้เห็น

                               เป็นแนวเส้นสีดำได้ ในรายที่มีน้ำในช่องท้องปริมาณมากจะเห็นเป็นสารน้ำอยู่ล้อมรอบตับ กระเพาะ
                                               ้
                               ปัสสาวะ หรือ ลำไส
                            2) ชั้นใต้ผิวหนังบวม (subcutaneous edema) เป็นอาการแสดงที่เกิดได้ช้า อาจเกิดหลัง ascites

                                                                                 (1)
                               โดยใช้เกณฑ์ความหนาของชั้นใต้ผิวหนังมากกว่า 5 มิลลิเมตร
                            3) น้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardial effusion) เห็นสารน้ำรอบเยื่อหุ้มหัวใจ บางครั้งแยกยากจาก

                               เงาของกล้ามเนื้อหัวใจปกติ ส่วนใหญ่จะพบในไตรมาสที่สองเป็นต้นไป โดยใช้เกณฑ์ความหนา

                               มากกว่า 2 มิลลิเมตร
                                                (5)
                            4) น้ำในช่องปอด (pleural effusion) เห็นสารน้ำในช่องอก อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ทั้งนี้

                               อาจเห็นสารน้ำแทรกในกลีบปอด หรือถ้ามีสารน้ำปริมาณมากอาจกดเนื้อปอดให้มีขนาดเล็กได  ้

                        ลักษณะทั้งหมดดังที่กล่าวมา เมื่อตรวจพบแล้ว จะช่วยในการวินิจฉัยภาวะบวมน้ำ ซึ่งต้องดำเนินการหา
                  สาเหตุต่อ ดังมีแนวทางดังนี้

                                        ั
                         3.2 การซกประวติ
                                 ั
                                                                                             ี่
                                                                                                            ิ
                                                                                                       ิ
                             -  ประวัติความเสี่ยงของสตรีตั้งครรภ์ เช่น เชื้อชาติ สัญชาติ ที่อาจมีความเสยงในความผดปกตบาง
                  ชนิดได้บ่อย เช่น โรคฮีโมโกลบินบาร์ทที่มักเจอในเอเชย โดยเฉพาะในประเทศไทยทเป็นสาเหตุของภาวะบวมน้ำท ี่
                                                              ี
                                                                                       ี่
                  Hydrops Fetalis                                                                           242
   253   254   255   256   257   258   259   260   261   262   263