Page 126 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 126

๑๐๕


                                 พระนาคเสนเถระ ได้ตอบพระยามิลินท์ว่า

                                 “นามรูปจะปฏิสนธิหามิได้ ก็แต่ว่าใครท ากรรมดีกรรมชั่วไว้ด้วยนามรูปนี้ นามรูปอนจะ
                                                                                                      ื่
                       ปฏิสนธิด้วยกรรมนั้น”

                                 จากปัญหาในท่อนแรกที่พระยามิลินท์ถามพระนาคเสนบ่งบอกถึงสภาวธรรมของสรรพ

                       สัตว์ที่เป็นปุถุชนทั่วไป ถ้ามองในเชิงปรมัตถธรรมก็หมายถึงสภาวะของรูปนามของสิ่งมีชีวิตหนึ่งซึ่ง
                       ประกอบไปด้วยการท างานของนาม คือ จิต และเจตสิก และรูปในภพภูมิหนึ่งว่า นามและรูปในภพภูมิ

                       นี้ใช่ไหมจะปฏิสนธิ ซึ่งค าตอบที่พระนาคเสนได้เปิดเผยหลักการส าคัญของพระพทธศาสนาที่ว่า นาม
                                                                                         ุ
                                                        ื่
                       รูปในภพภูมินี้หาปฏิสนธิไม่ แต่นามรูปอนจะปฏิสนธิ ในภพภูมิอน หากว่านามรูปในภพภูมินี้ ได้ท า
                                                                             ื่
                       กรรมดีหรือกรรมชั่วไว้ นั่นก็หมายว่า เมื่อนามรูป (ในอภิธรรม คือจิต เจตสิก และรูป ในพระสูตร

                       หมายถึงการท างานของขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ) ในภพภูมินี้ดับ นามรูปอื่น ซึ่ง
                       เกิดต่อเนื่องกันไปด้วยกรรมที่ท าไว้ในภพภูมินี้จะเกิดขึ้น นามรูปที่ปฏิสนธิใหม่ไม่สามารถบอกได้ว่า

                       เป็นอันเดียวกันกับนามรูปเดิม แต่เป็นนามรูปซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากนามรูปในภาพนี้เป็นสาเหตุ

                                          ่
                                 ในค าถามทอนต่อไปที่ว่า
                                 “ถ้าว่า นามรูปนั้นไม่ปฏิสนธิ ผู้นั้นเขาจักพ้นจากบาปกรรมมิใช่หรือไม่”

                                 พระนาคเสนได้ตอบพระยามิลินท์ว่า

                                                                      ้
                                 “ถ้าว่า นามรูปนั้นจะไม่ปฏิสนธิ เขาก็อาจจะพนจากบาปกรรมได้ ก็แต่ว่าเหตุใด นามและ
                       รูปนั้นยังปฏิสนธิอยู่ เหตุนั้นเขาก็จะไม่พ้นจากบาปและกรรมได้”


                                 จากปัญหาท่อนนี้พระยามิลินท์ ต้องการทราบว่าเมื่อนามรูป คือ จิต เจตสิก และรูป ไม่
                       ปฏิสนธิต่อ สิ่งมีชีวิตในโลกนี้จะพนจากบาปกรรมหรือไม่ พระนาคเสนได้ตอบปัญหาของพระยามิลิ
                                                   ้
                       นท์อย่างมีเงื่อนไขว่า ถ้า หากนามรูปไม่มีปฏิสนธิต่อไป สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ก็จะพนจากบาปกรรมได้ หาก
                                                                                      ้
                       ว่านามรูปยังจะปฏิสนธิต่อ สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ก็จะไม่พ้นจากบาปกรรมที่นามรูปนั้นได้ท าไว้

                                                                                 ุ
                                 ในปัญหาท่อนนี้ถ้าเรามาวิเคราะห์ตามหลักการของพระพทธศาสนาก็จะพบว่า หากว่า
                       นามรูป ในภพภูมิปัจจุบันได้รับการอบรมจนกระทั่งได้เข้าถึงสภาวะแห่งโลกุตรภาพ หรือโลกุตตรจิต
                       เริ่มจากโสดาปัตติมรรคจิต โสดาปัตติผลจิต สู่อรหัตตมรรคจิต และอรหัตผลจิต  อนเป็นระดับที่สูงสุด
                                                                                          ั
                       ในกระบวนการเกิดขึ้นของจิตในพระพทธศาสนา ส่งผลให้ผู้นั้นกลายเป็นพระอรหันต์ หรือเข้าถึง
                                                        ุ
                       สภาวะนิพพาน นามรูปของสิ่งชีวิตเช่นนี้ จะไม่มีการปฏิสนธิต่อ บาปกรรมที่เขาท าในภพภูมินี้จะไม่
                                                                                 ้
                       สามารถส่งผลต่อเขาผู้นั้นในภพภูมิต่อไป นั่นก็หมายความว่าผู้นั้นก็จะพนจากบาปกรรมที่ท าไว้ในภพ
                       ภูมินี้ตามที่พระยานาคเสนถามถงประเด็นนี้ และในขณะเดียวกันหากนามรูป คือ จิต เจตสิก และ รูป
                                                 ึ
                       ของสิ่งมีชีวิตหนึ่งยังไม่สามารถจะพฒนาไปจนขั้นโลกุตตรภาพหรือโลกุตตรจิตได้ นามรูปนั้นก็ยังต้อง
                                                    ั
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131