Page 130 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 130

๑๐๙


                       ลินท์ก็ตอบว่าไม่ใช่ ท่านก็ยังไล่เลียงต่อไปถึงว่าสัมภาระทั้งหมดเป็นรถหรือ หรือ ว่า รถอยู่
                       นอกเหนือจากสัมภาระทั้งหมด ซึ่งพระยามิลินท์ก็ตอบว่าไม่ใช่ จากค าสนทนาถามตอบกับพระยามิลิ

                       นท์พระนาคเสนจึงสรุปว่า อาตมาไม่ได้โกหก ถึงอาตมาถามพระองค์ว่าอะไรเป็นรถ พระองค์ก็ไม่
                       สามารถตอบได้ว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นล้อ เพลา แอก คัน หรือ สัมภาระต่าง ๆ ว่าเป็นรถ

                       เช่นเดียวกัน ด้วยองค์ประกอบของ อาการ ๓๒ ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณต่างหาก

                       เหล่านี้รวมกันจึงถูกว่าเรียกว่านาคเสน

                                 จากค าสนทนาถามตอบระหว่างพระยามิลินท์กับพระนาคเสนถึงปัญหาว่าด้วยนาม เมื่อ

                       วิเคราะห์ตามหลักในพระพทธศาสนาก็จะพบว่า ในโลกนี้มีความจริง อยู่ ๒ ประเภท คือ ความจริง
                                             ุ
                       ระดับสมมติ กับความจริงระดับปรมัตถ์  การที่มีการเรียกบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่า นาคเสนบ้าง สูรเสน

                       บ้า เหล่านี้ ล้วนเป็นการเรียกตามนัยแห่งความจริงระดับสมมติ ไม่ใช่ความจริงที่แท้ที่เรียกว่าปรมัตถ์
                       ในขณะที่ความจริงระดับปรมัตถ์นั้นจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวตนเราเขาที่แท้จริง เป็นเพียงการท างานของ

                       องค์ประกอบของรูป และนาม ไม่ว่าจะเป็นไปในลักษณะขออาการ ๓๒ ประการ หรือ ขันธ์ ๕ คือ รูป

                       เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ นั่นก็ คือภาวะแห่งการด ารงอยู่ของนามรูป ที่เรียกว่า จิต เจตสิก
                       รูป นั่นเอง


                                 ๔.๒.๒ นามรูปปัญหา

                                 ปัญหาข้อนี้ปรากฏอยู่ในมิลินทปัญหาวรรคที่ ๒ ปัญหาข้อที่ ๘  ขณะนั้นพระยามิลินท์ได้

                       ถามพระนาคเสนในเบื้องต้นว่า
                                 “ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า รูปธรรมนามธรรมนี้  ก็นามธรรมนั้นเป็นประการใด

                       รูปธรรมนั้นเป็นประการใด”

                                 พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า

                                                           ั
                                 “ธรรมสิ่งไรเรียกว่าเป็นธรรมอนหยาบ  ธรรมสิ่งนั้นเรียกว่า รูปธรรม  ธรรมสิ่งไรสุขุม
                                                                ึ
                                                                                            ั
                       ธรรมสิ่งนั้น คือจิตเจตสิกนี้  ชื่อว่านามธรรม  พงสันนิษฐานเข้าใจให้ชัดว่าธรรมอนหยาบเรียกว่า
                       รูปธรรม ธรรมอันละเอียดเรียกว่านามธรรม  นามธรรม คือจิตเจตสิก”

                                 จากปัญหาท่อนแรกที่พระยามิลินท์ถามพระนาคเสนถึงสภาวะแห่งรูปนามที่ว่าอะไรเป็น
                                                                                               ั
                       รูป อะไรเป็นนาม เมื่อว่าโดยปรมัตถธรรมก็ คือ จิต เจตสิก รูป รูป คือสภาวะที่หยาบอนประกอบไป
                                                                                           ุ
                       ด้วย รูป ๒๘ ประการโดยแบ่งเป็น มหาภูตรูป ๔ คือ ปฐวี อาโป เตโช วาโย และอปาทายรูป ซึ่งเป็น
                       รูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดขึ้นอก ๒๔ ประการ รวมเป็นรูป ๒๘ ประการ  ส่วนนามก็ได้แก่ จิต ๘๙
                                                  ี
                       หรือ ๑๒๑ และเจตสิก ๕๒ ประการ ซึ่งมีลักษณะและสภาวะที่เกิดขึ้นและดับพร้อมกัน

                                 ปัญหาท่อนต่อไปพระยามิลินท์ได้ถามต่อไปว่า
   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135