Page 132 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 132

๑๑๑


                                 ส าหรับค าตอบ ๒ มิติของพระนาคเสน แสดงถึงใจความที่เป็นสาระอนแท้จริงของ
                                                                                              ั
                       พระพทธศาสนาที่ว่า นามรูปในภพภูมินี้ เมื่อดับและไปปฏิสนธิในภพภูมิใหม่ จะมีคติเป็น ๒ คือ เป็น
                            ุ
                                                                                                     ั
                                            ื่
                       สิ่งเดิมก็ไม่ใช่ จะเป็นสิ่งอนก็ไม่ใช่ หมายความ นามรูปที่มีขึ้นใหม่ไม่สามรถถบอกได้ว่าเป็นอนเดิม
                       เพราะว่าอันเดิมนั้นได้ดับไปแล้ว แต่จะบอกว่า นามรูปที่เกิดขึ้นใหม่จะเป็นบุคคลอนโดยสิ้นเชิงก็ไม่ได้
                                                                                          ื่
                       เช่นเดียวกัน เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นั้นเป็นผลจากนามรูปในอดีตเมื่อนามรูปในอดีตดับ ก็เกิดนาม

                       รูปขึ้นใหม่ขึ้นตามกฎของเหตุปัจจัย  ดังที่ท่านพระนาคเสนเปรียบเทียบอปมาเรื่องนี้กับนมเปรี้ยว นม
                                                                                  ุ
                       เปรี้ยวเกิดจากการแปรสลายสภาพภายในของนมสด จากนมสดเปลี่ยนรูปเป็นนมเปรี้ยว นมเปรี้ยวเอง

                       มีสภาวะเป็น ๒ คือ เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นใหม่จากการเปลี่ยนสภาพภายใน ของนมสดและแตกต่างจาก
                                           ็
                                                                                                     ั
                       นมสด แต่นมเปรี้ยวเองกไม่สามารถจะบอกได้ว่าไม่ได้มาจากนมสด ทั้งสองเป็นสิ่งที่อาศัยเนื่องกนและ
                       กันเกิดขึ้น ดังที่พระนาคเสนสรุปในส่วนท้ายของปัญหาว่า

                                 “ข้อนี้ฉันใด ความสืบต่อแห่งสภาวธรรม ก็สืบต่อกันฉันนั้น สภาวะหนึ่งเกิดขึ้น สภาวะ

                       หนึ่งดับไป สืบต่อพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้น ผู้จะเกิดขึ้น จะเป็นผู้นั้นก็ไม่ใช่ จะเป็นคนอื่นก็ไม่ใช่ แต่ถึง

                       ความว่าเป็นปัจฉิมวิญญาณ”

                                 ๔.๒.๔ อัทธานปัญหา

                                 ปัญหาข้อนี้ปรากฏอยู่ในวรรคที่ ๓ ปัญหาข้อที่ ๑ แห่งมิลินทปัญหา  โดยที่พระยามิลินทร์

                       ได้ถามพระนามเสนว่า

                                 “พระผู้เป็นเจ้า ก็อะไรเป็นมูลของกาลไกลที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน?”

                                 พระนาคเสนตอบทูลว่า

                                 “มหาราช อวิชชาเป็นมูลของกาลไกลที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน กล่าว คือ สังขารย่อมมี
                       เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย วิญญาณย่อมมีมา เพราะสังขารเป็นปัจจัย นามรูปย่อมมีมา เพราะวิญญาณ

                       เป็นปัจจัย สฬายตนะย่อมมีมาเพระนามรูปเป็นปัจจัย ผัสสะย่อมมีเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย เวทนา

                                                                                     ุ
                       ย่อมมีมา เพระผัสสะเป็นปัจจัย ตัณหาย่อมมีมา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย อปาทานย่อมมีมา เพราะ
                       ตัณหาเป็นปัจจัย ภพย่อมมีมา เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ชาติย่อมมีมา เพราะภพเป็นปัจจัย ชรามรณ

                                           ุ
                       โสกปริเทวทุกขโทมนัสอปายาส ย่อมมีมา เพราะชาติเป็นปัจจัย เงื่อนต้นแห่งกาลไกลย่อมไม่ปรากฏ
                       ดังนี้”


                                 จากปัญหาข้อนี้เราจะเห็นว่า พระยานาคเสนต้องการทราบว่ามูลเหตุของกาลไกลที่เป็น
                       อดีต ปัจจุบัน และอนาคต คืออะไร ซึ่งพระนาคเสนก็ได้ตอบค าถามนั้นว่า คืออวิชชาซึ่งเป็นมูลเหตุ

                       ของกาลไกลที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มิลินทปัญหาข้อนี้เป็นการแสดงหลักการแห่งความจริง
   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137