Page 24 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 24

๑๐


                                 แสง จันทร์งาม (ศ.เกียรติคุณ) กล่าวไว้ในหนังสือ ธรรมในมิลินทปัญหา สรุปประเด็น
                       ถามตอบได้ว่า ปัญหาเรื่องท าบาปโดยรู้ตัวกับท าโดยไม่รู้ตัว พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถามมีใจความว่า ท่าน

                       เองเคยกล่าวว่าผู้ ใดฆ่าสัตว์โดย ไม่รู้บาปมีก าลังกล้าย่อมเกิดแก่ผู้นั้น ส่วนในพระวินัยบัญญัติ พระผู้มี
                       พระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า ภิกษุผู้ ไม่รู้ตัวฆ่าสัตว์ไม่ต้องอาบัติ ดังนี้ ข้อความทั้ง ๒ ฟังดูขัดแย้ง กันอยู่ พระ

                       นาคเสนถวายพระพรตอบว่า ประเด็นทั้ง ๒ มิได้ขัดแย้งกัน เพราะแต่ละประเด็นมีความหมายพเศษ
                                                                                                      ิ
                       แตกต่างกน ประเด็นแรกที่ว่าคนฆ่าสัตว์ โดยไม่รู้ว่าเป็นบาป ย่อมได้บาปมากนั้น หมายความว่า คนที่
                               ั
                       ไม่รู้ว่าอะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาปนั้น ย่อมไม่มีความละอายหรือความกลัวต่อบาป ย่อมมีความ ยินดี

                       ในบาปอย่างเต็มที่ จึงเผลอตัวท าบาปอย่างเต็มที่ เมื่อท าเต็มที่ก็ย่อมจะได้บาป อย่างเต็มที่เปรียบ
                                                                ื
                       เหมือนคนไม่รู้ว่าถ่านมีไฟร้อน จึงจับถ่านร้อนเต็มมอย่อมจะ ถูกไฟไหม้มากกว่า ส่วนคนที่รู้ว่าเป็นถ่าน
                       ร้อน เขาจะจับถ่านด้วยความระมัดระวัง ให้เป็นอนตรายแก่มือน้อยที่สุด  ส่วนในเรื่องเกี่ยวกับอาบัติ
                                                                ั
                       ของพระนั้น ทรงแบ่งพระวินัยออกเป็น ๒ประเภท คือสัญญาวิโมกข์ หมายถึงความผิดที่ภิกษุล่วง
                                                                    ้
                       ละเมิดโดยไม่รู้ตัว (สัญญา = ความรู้สึกตัว วิโมกข์ = พน) ที่พระตถาคตเจ้าตรัสว่า ภิกษุกระท ากรรม
                                                                                      ี
                       ชั่ว โดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องอาบัตินั้น ทรงหมายถึงอาบัติประเภทสัญญาวิโมกข์ อกประการ หนึ่ง คือ โน
                       สัญญาวิโมกข์ ได้แก่ อาบัติที่แม้ไม่รู้ ตัวขณะที่กระท า ก็ยังต้องอาบัติ เช่น การดื่มสุรา แม้ไม่รู้ว่าเป็น
                       สุรา ดื่มเข้าไปก็ต้องอาบัติ เพราะฉะนั้น กรณีทั้ง ๒ จึงมีจุดมุ่งหมายต่างกัน กรณีแรกใช้กับคนทั่วไป

                       กรณีหลังใช้กับพระวินัยของ พระภิกษุเท่านั้น  พระเจ้ามิลินท์ ทรงพอพระทัยในค าตอบของพระนาค
                          ๑๔
                       เสน

                                   ั
                                 สมคร บุราวาส, ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ปรีชาญาณของสิทธัตถะ สรุปได้ว่า มิลินทปัญหามี
                               ิ
                                                                   ุ
                                                                                     ี
                       ลักษณะพเศษ คือได้ชี้ให้เห็นและสาธยายไว้ปรัชญาพทธเถรวาทอย่างละเอยดลออยิ่งกว่างานชิ้นใด
                       ทางพระพทธศาสนา ในยุโรปจึงมีนักศึกษาพระพทธศาสนา เช่น Rhys Davidsถือว่าคัมภีร์มิลินท
                                                                 ุ
                               ุ
                       ปัญหาเป็นบทความร้อยแก้วชั้นเยี่ยมของโลก มีในประเทศฝ่ายเถรวาท เช่น ลังกา, พม่า, ไทยแต่ไทย
                       เรามีสมบูรณ์ที่สุด เคยคิดกันว่าจีนซึ่งเป็นฝ่ายมหายานนั้นไม่มีมิลินทปัญหา แต่ภายหลังก็ปรากฏว่ามี

                       เหมือนกัน
                               ๑๕
                                 เสถียร โพธินันทะ,ได้กล่าวไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์พระพทธศาสนา สรุปได้ว่า พระเจ้า
                                                                                  ุ
                       มิลินท์เป็นกษัตริย์ที่ท าให้พระพทธศาสนาแผ่ไพศาลในอนเดียเหนือไปถึงเอเชียกลางตามประวัติ
                                                                       ิ
                                                  ุ



                                 ๑๔ แสง จันทร์งาม (ศ. เกียรติคุณ ), ธรรมในมิลินทปัญ หา, [ออนไลน์], แหล่งที่มา:

                       saddhadhamma.org  [๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙].
                                 ๑๕ สมัคร บุราวาส, ปรชาญาณของสิทธัตถะ, (กรุงเทพมหานคร: ส านักพิมพ์สยาม, ๒๕๓๗), หน้า
                                                 ี
                       ๑๙๓.
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29