Page 69 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 69

๕๕


                                    (๗) จิตฺตส สฏฺฐสมุฏฺฐานสหภูทุก หมายถึง สภาวธรรมทั้งหลาย ที่เจือด้วยจิต ที่เกิด
                       จากจิต และที่เป็นไปพร้อมด้วยจิต ได้ครบทั้ง ๓ อย่าง มีอยู่ และสภาวธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เจือด้วยจิต

                       ไม่ใช่เกิดจากจิต และไม่เป็นไปพร้อมด้วยจิต หรือได้ไม่ครบทั้ง ๓ มีอยู่องค์ธรรมของปฐมบท ได้แก่
                                ๖๘
                       เจตสิก ๕๒

                                 ๒) ปทภาชนีย์ของกามาวจรกุศล เป็นการจ าแนกแสดงจิตในชั้นกามาวจรจิต ๕๔ จาก
                       เนื้อความที่พระมีพระภาคเจ้าได้ทรงประมวลไว้ด้วยมาติกา (แม่บท) และได้ให้ความหมายของจิตไว้

                       ดังนี้ว่า

                                   ๑) จิต เป็น สภาวะรับรู้อารมณ์ ค าว่าจิตนี้หมายถึงจิตทุกดวงไม่ได้เฉพาะมหากุศลจิต

                               ี่
                       ดวงแรกทสามารถเกดได้ ๗ ครั้งติดต่อกันในวิถีจิตที่มีชวนจิตวิถี แต่มีความหมายรวมถึงจิตที่เป็นโลกิย
                                       ิ
                       กุศล อกุศล และกิริยาย่อมสั่งสมกระของตนด้วยชวนจิตวิปากจิตย่อมถูกกรรมกิเลสสั่งสม จงได้ชื่อว่า
                       จิต ขึ้นชื่อว่าจิตนั้นวิจิตรยิ่งกว่าจิตรกรรมอนวิจิตรใด ๆ ในโลก รูปวิจิตรชื่อว่า จรณ เปนสิ่งที่วิจิตร
                                                           ั
                       อย่างยิ่ง จิตรกรรม ชื่อวา จรณ นั้นก็ถูกจิตคิดไวนั้นแหละ ความวิจิตรภายในที่จ าแนกโดยกรรม รูปร
                       าง สัญญา และชื่อเรียก เป็นต้น ในภพที่ต่างกันโดยความเป็นเทวดา มนุษย์ นรก สัตว์ดิรัจฉาน ก็ถูก

                       จิตกระท าขึ้น (ตามคัมภีร์อภิธัมมาวตาร ชื่อวา จิต เพราะกระท าความวิจิตรแก่เหล่าสัตว์ อีกนัยหนึ่ง

                                                                                   ๙
                       จิตฺต ศัพท์ ยอม ปรากฏในอรรถวา บัญญัติ วิญญาณ วิจิตร และจิตรกรรม)
                                   ๒) จิตในความหมายมี ๔ ลักษณะ ดังนี้


                                    (๑) มีสภาวะรูอารมณ์ (วิชานนลกฺขณ ) คือบุคคลย่อมรู้อารมณ์ได้แกรูปที่พงเห็นทาง
                                                                                                  ึ่
                       ตาดวยจิตยอมรูธรรมารมณที่พึงรูทางใจดวยจิต


                                                                      ฺ
                                    (๒) มีหน้าที่เป็นใหญในการรู้อารมณ์ (ปุพพงฺคมรส ) คือ บุคคลใดย่อมเห็นรูปด้วยทาง
                       จักษุย่อมทราบรูปนั้นดวยวิญญาณ ยอมฟงเสียงใดทางโสต ยอมสูดกลิ่นทางจมูก ยอมลิ้มรสทางลิ้น ย

                       อมถูกตองโผฏฐัพพะทางกาย ยอมรูธรรมารมณทางใจ ยอมรูสิ่งนั้น ๆ ดวยวิญญาณ เปนตน

                                    (๓) มีความเป็นไปตอเนื่องเป็นเครื่องปรากฏ (สนฺธานปจจุปฏ าน ) คือจิตดังกล่าวเมื่อ

                       เกิดขึ้นในภายหลังยอมปรากฏติดตอกันโดยท าจิตดวงแรก ๆ ใหตอเนื่องกันกับจิตดวงหลัง บุคคลที่







                                 ๖๘ พระพุทธทัตตเถระ, อภิธมมาวตาร, ตรวจชาระโดยพระธัมมานันทมหาเถระอัครมหาบัณฑิต,แปล

                       และอธิบายโดย พระคันธสาราภิวงศ์, พิมพครั้งที่๒, (กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นสวนจ ากัดประยูรสาสน์ไทย
                       การพิมพ, ๒๕๕๕), หนา ๔.
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74