Page 21 - ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
P. 21

20                                       ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์



                                          ้
                   จะศึกษำควำมรู้เชิงทฤษฎีลึกซึงลงไป  จำรีตช่ำงฝีมือสำมำรถยกระดับฝีมือให้
                           ่
                                                ่
                                                               ่
                      ้
                   สูงขึนได้เรือยๆ จำกภำชนะดินเผำก็เพิมกำรเขียนลำย เพิมกำรเคลือบภำชนะ
                   โดยสังสมเทคนิคว่ำต้องใช้สำรอะไรมำผสมเป็นสีเขียนลำยจึงจะติดกับภำชนะ
                       ่
                                          ้
                   ได้ทนทำน ใช้สำรอะไรมำท�ำน�ำยำเคลือบ แม้กระบวนกำรเหล่ำนี้ปฏิเสธไม่ได้
                   ว่ำช่วยเสริมควำมรู้เชิงทฤษฎีได้ในทำงอ้อม  อย่ำงเช่นคนรุ่นหลังๆ  อำจจะใช้
                                    ่
                                                    ้
                   เป็นข้อมูลประกอบเมือวิเครำะห์สำรเหล่ำนันในทำงเคมี  แต่กำรมุ่งใช้งำนใน
                                                                     ่
                   ลักษณะดังกล่ำวบดบังควำมสนใจในทำงทฤษฎี เทียบกับปัจจุบันทีเรำไม่ถือว่ำ
                   ช่ำงไฟฟ้ำเป็นนักวิทยำศำสตร์ แม้ว่ำช่ำงไฟฟ้ำจะเดินไฟได้เก่งแค่ไหน สำมำรถ
                   รู้กลไกทังหมดว่ำสวิตช์ท�ำงำนอย่ำงไร  สะพำนไฟท�ำงำนอย่ำงไร  ฟิวส์ท�ำงำน
                         ้
                   อย่ำงไร รู้ว่ำทองแดงน�ำไฟฟ้ำได้ดีโดยไม่จ�ำเป็นต้องรู้ว่ำโครงสร้ำงอะตอมของ
                   ทองแดงเป็นอย่ำงไรและเพรำะอะไรถึงน�ำไฟฟ้ำได้ดี ในภำพรวม ควำมรู้ในฝ่ำย
                   ปฏิบัติจะทิงช่องว่ำงจำกส่วนทีเป็นทฤษฎี และพืนฐำนกำรท�ำงำนในเชิงช่ำงจะ
                                                        ้
                                          ่
                           ้
                            ่
                                              ่
                    ้
                   ตังค�ำถำมทีแตกต่ำงจำกเป้ำหมำยทีสำยทฤษฎีก�ำหนด
                        กำรใช้ค�ำว่ำจารีตจิตวิญญาณกับกำรศึกษำโลกธรรมชำติในอดีตไม่ได้
                   หมำยถึงกำรศึกษำในเรืองภูตผี หำกแต่ลักษณะเฉพำะของกำรศึกษำธรรมชำติ
                                    ่
                   ในอดีตมักจะอำศัยบุคลำธิษฐำน  หมำยควำมว่ำมนุษย์เรำมองธรรมชำติว่ำมี
                   เจตนำของตน  ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติจึงด�ำเนินไปในลักษณะใดลักษณะหนึง
                                                                             ่
                                    ้
                   ภำยใต้โลกทัศน์แบบนี กำรศึกษำปรัชญำธรรมชำติในแง่หนึงคือกำรค้นหำและ
                                                                ่
                   ท�ำควำมเข้ำใจวิญญาณ  (spirit)  ทีแฝงอย่ในธรรมชำติและมีส่วนก�ำกับ
                                                      ู
                                                ่
                   ปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติ  แม้มนุษย์รู้ว่ำตนเองไม่มีอ�ำนำจใดๆ  จะควบคุม
                                      ่
                   ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติซึงมีพลังมำกกว่ำ  แต่สำมำรถศึกษำควำมเป็นไปหรือ
                                                              ้
                                                                        ้
                   ตอบตนเองได้ว่ำเพรำะอะไรธรรมชำติถึงแสดงออกแบบนัน ลักษณะนีปรำกฏ
                                          ่
                   ชัดในสังคมก่อนยุคสมัยใหม่ซึงศึกษำธรรมชำติอย่ำงมีข้อจ�ำกัด และต้องอำศัย
                    ่
                                                      ้
                   สิงเหนือธรรมชำติ (supernatural)  ที่สร้ำงขึนตำมจินตนำกำรมำช่วยอธิบำย
                   ธรรมชำติ
                                                                         ุ
                        กล่ำวโดยสรุป หนังสือเล่มนีเห็นว่ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีมีจดร่วม
                                             ้
                   กันคือเป็นกิจกรรมทีเกียวกับกำรสร้ำงสรรค์องค์ควำมร้ของมนษย์  ส่วนสิงที ่
                                                                            ่
                                   ่
                                     ่
                                                             ู
                                                                   ุ
                   แตกต่ำงกันคือ  วิทยำศำสตร์ใช้ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติเป็นรำกฐำนและสนใจ
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26