Page 21 - สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 UNIFORMS OF WORLD WAR I
P. 21

20 บทน�ำ
                                             อาวุธและวิทยาการใหม่







                                                                                      แบบ 5 นัด ความได้เปรียบนี้ท�าให้ชาวอังกฤษ
                                                                                      น�ามาพัฒนาปืนลี-เอนฟิลด์แบบสั้น (SMLE) ใน
                                                                                      ปี 1902 ซึ่งปืนชนิดนี้เป็นปืนเล็กยาวใช้ซอง
                                                                                      กระสุนในการป้อนกระสุนเข้าสู่ระบบขัดกลอน
                                                                                      แบบหมุนด้วยมือ กระสุนแต่ละซองมี 10 นัด
                                                                                      แบ่งเป็น 2 แหนบ แต่ละแหนบมี 5 นัด ปืนชนิด
                                                                                      นี้สามารถยิงได้เร็วแต่ต้องใช้ทหารมืออาชีพที่ได้
                                                                                      รับการฝึกมาอย่างดีเท่านั้น ทหารเกณฑ์ส่วน
                                                                                      ใหญ่ยิงได้ประมาณนาทีละ 10 นัด
                                                                                        การเกิดขึ้นของปืนกึ่งอัตโนมัติที่น�้าหนักเบา
                                                                                      กว่าในช่วงท้ายสงคราม ท�าให้แม้แต่กองทหารที่
                                                                                      ได้รับการฝึกแบบรวบรัดก็ยิงในอัตรายิงเร็วต่อ
                                                                                      เนื่องได้ กับการน�าปืนกลเบามาใช้ในปี 1915

                การพัฒนาอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 และ  ▲ หนึ่งในปืนใหญ่รถไฟของเยอรมนีซึ่งติดตั้ง ขนส่งและยิง  ปืนกลและระเบิดมือ
                การเกิดขึ้นของวิทยาการใหม่ๆ ท�าให้เกิดผล   จากตู้รถไฟที่ได้รับการออกแบบพิเศษ  ปืนกลหนักได้รับการพัฒนาขึ้นในทศวรรษ 1850
                กระทบอันยาวนานในสมรภูมิ วิทยาการใหม่ที่                               และการปรากฏขึ้นของปืนแกตลิง (Gatling
                ผลิตขึ้นในปริมาณมากเปลี่ยนโฉมหน้าการท�า                               gun) เมื่อปี 1862 ท�าให้เกิดรูปแบบใหม่ของการ
                สงครามไปตลอดกาล                    อาวุธทหารราบ                       สู้รบ แม้ปืนชนิดนี้ต้องใช้มือหมุนข้อเหวี่ยง แต่
                                                   ปืนเล็กยาวบรรจุกระสุนทางท้ายปรากฏขึ้นมา  เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางวิทยาการ ที่ใน
                ปืนใหญ่หนัก                        ในทศวรรษ 1840 ซึ่งช่วยให้ทหารราบบรรจุ  เวลาต่อมาน�าไปสู่การผลิตปืนกลแม็กซิม
                การเสียชีวิตราวร้อยละ 67 ในสงครามโลกครั้งที่   กระสุนได้รวดเร็วแม้ขณะอยู่ในท่านอนยิง จากนี้  (Maxim mahcine gun) ในปี 1884 ต่อมาในปี
                1 เป็นผลจากปืนใหญ่ สามารถใช้ควบคุม  ปืนเล็กยาวแบบใช้ซองกระสุนก็พัฒนาขึ้น และ  1901 ชาวเยอรมันรีบรับอาวุธที่สร้างขึ้นจากปืน
                สนามรบ ปรับสภาพพื้นที่และสร้างผลกระทบ  ในช่วงเวลาของสงครามโบเออร์ (Boer War)   แม็กซิมแล้วพัฒนาต่อในปี 1908 คือปืนมาชีเนน
                อันยาวนาน (และน่าสยดสยอง) แก่ทหารราบ  กองทัพส่วนใหญ่ก็มีปืนเล็กยาวแบบยิงเร็วที่มี  เกเวร์ 08 (Maschinengewehr 08) ชาวอังกฤษ
                ทุกนายที่เข้าร่วมรบ                ประสิทธิภาพไว้ในครอบครอง ชาวโบเออร์   ซึ่งรับแนวคิดดังกล่าวในภายหลังก็พัฒนาปืน
                  เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 19 กองทัพต่างๆ ล้วน  ใช้ปืนเมาเซอร์ (Mauser) ของเยอรมนี และชาว  วิคเกอร์ มาร์ก I (Vickers Mark I) ขึ้นในปี 1912
                ปรับปรุงปืนใหญ่ของตน ความเปลี่ยนแปลงครั้ง  อังกฤษใช้ปืนลี-เอนฟิลด์ (Lee-Enfield) ปืน  ฝรั่งเศสมีปืนฮอตช์คิส (Hotchkiss) ที่ยิงได้นาที
                ส�าคัญเกิดขึ้นเมื่อปี 1896 เมื่อฝรั่งเศสผลิตปืน  เมาเซอร์สามารถบรรจุด้วยซอง (แหนบ) กระสุน  ละ 600 นัด หรือยิงเร็วต่อเนื่องได้นาทีละ 450
                ใหญ่สนามขนาด 75 มม. ขึ้นมา ปืนชนิดนี้ใช้                              นัด ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อการท�า
                ระบบไฮดรอลิกที่คล่องตัวพร้อมระบบดูดซับแรง  ▼ กองทหารฝรั่งเศสในปี 1915 สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ  สงคราม
                สะท้อน บรรจุกระสุนรวดเร็วและยิงกระสุนดาว  รุ่นแรกๆ                      สงครามสนามเพลาะ (trench warfare)
                กระจายได้ประมาณนาทีละ 20 ลูก เยอรมนี                                  ต้องการอาวุธที่เคยสงวนไว้ส�าหรับการท�า
                ผลิตอาวุธน�้าหนักมากเป็นพิเศษอย่างปืนใหญ่                             สงครามปิดล้อม อย่างแรกที่สุดคือระเบิดมือ
                วิถีโค้งเฮาวิทเซอร์ (Howitzer) ขนาด 420 มม.                           (grenade) ซึ่งเคยใช้ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นมา
                ที่มีระยะการยิง 6 ไมล์ ซึ่งมีประโยชน์เมื่อการรบ                       แล้ว และในปี 1913 กองทัพเยอรมันก็รับเอา
                เริ่มหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับเครื่องยิงลูกระเบิด                         ระเบิดลูกกลมหรือระเบิดน้อยหน่า (Kugel-
                (Mortar) ขนาด 305 มม. ที่มีประโยชน์ใน                                 handgranate) มาใช้ ขณะที่ระเบิดมือแบบมี
                สงครามสนามเพลาะ                                                       ด้ามจับ (Stick grenades ) ก็ได้รับการพัฒนา
                  ความหนาแน่นของการใช้ปืนใหญ่เพิ่มมาก                                 ในปี 1917 ให้เป็นระเบิดพกพาขนาดเล็กกว่าคือ
                ขึ้นในช่วงสงคราม การระดมยิงก่อนการบุกเมือง                            ระเบิดมือรูป “ไข่” พลขว้างลูกระเบิดและเครื่อง
                ซอมม์ (Somme) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 1916                                 ยิงลูกระเบิดสนามเพลาะได้รับการบรรจุเข้าไว้
                พบว่าอังกฤษใช้ปืน 1,431 กระบอก ระดมยิง                                ในประเภทการยิงเข้าไปในสนามเพลาะของฝ่าย
                กระสุน 1.7 ล้านนัดในเวลา 7 วัน                                        ตรงข้าม
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26