Page 22 - สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 UNIFORMS OF WORLD WAR I
P. 22
อาวุธและวิทยาการใหม่ 21
แก๊ส
ต�ารวจฝรั่งเศสมีแก๊สน�้าตาชนิดขว้าง ทว่าชาว
เยอรมันเป็นพวกแรกที่ใช้ “แก๊สที่ท�าให้หายใจไม่
ออกหรือแก๊สที่เป็นอันตราย” ในสงคราม (ฝ่าย
สัมพันธมิตรที่เดือดดาลก็ใช้ตามมาในเวลา
รวดเร็ว) กระสุนที่บรรจุไอพิษ (gas shells) ใช้
ยิงต่อสู้กับทหารรัสเซียในช่วงต้นปี 1915 แต่ได้
ผลเพียงเล็กน้อย ชาวเยอรมันจึงปล่อยแก๊สพิษ
จ�านวน 5,700 กระบอก ใกล้เมืองอีเปอร์
(Ypres) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 1915 ซึ่งแม้จะ
ท�าให้เกิดการแตกตื่น แต่ชาวเยอรมันก็ไม่อาจใช้
ความได้เปรียบจากความสันสนวุ่นวายบุกเข้าไป
ในแนวข้าศึกได้ ทว่านับจากนั้นเป็นต้นมา แก๊ส
และสิ่งที่ใช้ป้องกันแก๊สก็กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่
ประจ�าในแทบทุกแนวรบ ทั้งนี้มีสารอยู่ประมาณ
30 ชนิดที่เลือกแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่สุด
ตั้งแต่แก๊สน�้าตาไปจนถึงแก๊สที่ท�าให้หายใจไม่
ออก (ฟอสจีน - phosgene และ คลอรีน - chlo- ▲ บอลลูนสังเกตการณ์ของเยอรมันในโปแลนด์ มีความต้องการเหล่าทหารเฉพาะส�าหรับขับขี่
rine) ไปจนถึงแก๊สมัสตาร์ดที่น่าขนลุกซึ่งใช้เมื่อ และซ่อมบ�ารุงยานพาหนะเหล่านี้
ปี 1917 ต่อมาเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ยังมีการใช้ เปลี่ยนแปลงส�าคัญในวิธีการเคลื่อนที่ของกอง
แก๊สในการต่อสู้กับบอลเชวิกในรัสเซียและต่อ ทหารและการขนส่ง แต่ยานพาหนะที่แล่นบน การบิน
์
ต้านชนเผ่าที่ก่อการจลาจลในอียิปต์และอิรัก ถนนกลับมีบทบาทส�าคัญมากขึ้นในการส่ง เครื่องยนตเบนซินท�าให้สามารถสร้างเครื่องยนต ์
ก�าลังและการลากจูงปืนใหญ่ เพื่อเสริมอ�านาจ ที่ขับเคลื่อนขึ้นสู่อากาศได้ เคยมีการใช้บอลลูน
การขนส่งทางบก การยิงเมื่อมีการผลิตรถหุ้มเกราะและรถถังใน ในทศวรรษ 1790 เพื่อจุดประสงค์ด้านการ
ในปี 1897 การซื้อรถบรรทุกเดมเลอร์ (Daimler) เวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ส�าหรับ สังเกตการณ์ และมีการน�ามาใช้อย่างมากใน
ของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ท�าให้เกิดการ ก�าลังพล ทั้งในแง่การเป็นพาหนะส�าหรับทหาร บทบาทนี้ระหว่างปี 1914 - 1918 เรือเหาะเริ่ม
เปลี่ยนแปลงส�าคัญอย่างเงียบๆ ในการเคลื่อนที่ และจักรยานยนต์พ่วงข้างล�าเลียง ปรากฏขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1890 โดยที่เรือ
ของทหาร แม้ว่ารถไฟจะท�าให้เกิดการ บัลแกเรียมีกองพาหนะทางทหาร 150 คัน เหาะเซพเพลิน (Zeppelin) ขึ้นบินครั้งแรกเมื่อปี
ในปี 1913 ขณะที่ทั้งจักรวรรดิออตโตมานมียาน 1900
▼ รถแท็กซี่ที่เมืองมาร์น ด้านนอกโรงเรียนทหารอีโคลมิลิ ยนต์น้อยกว่า 300 คัน ส่วนมากในปี 1914 มัก อากาศยานประเภทอื่นๆ ก้าวล�้าเกินยักษ์
แตร์ (Ecole Militaire) ทั้งนี้ในปี 1914 ผู้มีอ�านาจของ เกณฑ์พลเรือนมาเป็นพลขับรถบรรทุก เช่น ใหญ่แห่งเวหานี้อย่างรวดเร็วทั้งในแง่ความเร็ว
ฝรั่งเศสส่งรถรับจ้างราว 600 คัน เพื่อจัดส่งทหารราบกอง
หนุน 6,000 นาย ไปยังแนวหน้าก่อนการรบที่แม่น�้ามาร์น รถยนต์รับจ้างของปารีสน�ากองทหารไปยังเมือง และความคล่องตัว แต่ก็ยังไม่สามารถลอยอยู่
ครั้งแรกจะเริ่มขึ้น มาร์น (Marne) ของเยอรมนี แต่ต่อมาก็ค่อยๆ บนท้องฟ้าได้นาน วันที่ 25 กรกฎาคม 1909
นักบินฝรั่งเศสชื่อว่า หลุยส์ เบลอริโอต์ (Louis
Blériot) ประสบความส�าเร็จในการบินข้าม
ช่องแคบอังกฤษเป็นครั้งแรก ในอีก 2 ปีถัดมา
ชาวอิตาเลียนก็ทิ้งระเบิดเหนือกองทหารออตโต
มานในลิเบีย และการโจมตีทางอากาศก็ปรากฏข้น
ึ
ในสงครามบอลข่าน ชาวเยอรมันเฝ้ามองด้วย
ความสนใจและใช้ทักษะที่พัฒนาขึ้นมาในการ
สร้างเครื่องยนต์เรือเหาะน�าไปสู่การสร้างเครื่อง
บิน (Aeroplane) อังกฤษยังลังเลอยู่แต่ก็มีการ
ก่อตั้งกองพันทหารอากาศขึ้นเมื่อปี 1911
เมื่อสงครามเริ่มขึ้น เครื่องบินขนาดเบาที่ใช้
ในภารกิจลาดตระเวนก็พัฒนาไปสู่เครื่องบิน
สังเกตการณ์หรือเครื่องบินขับไล่ ส่วนเครื่องบิน
ที่มีน�้าหนักมากกว่าซึ่งมีระยะการปฏิบัติภารกิจ
ทิ้งระเบิดได้นานกว่าก็ปรากฏตามมา

