Page 47 - version 4.2
P. 47
การศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ขั้นหายขาดอย่างเหมาะสม ฉบับที่ 4.2 วันที่ วันที่ 08 มีนาคม 2564
ด้วยยาทาฟีโนควินหรือไพรมาควินโดยใช้การตรวจวัดระดับเอนไซม์ G6PD เชิงปริมาณ ประเทศไทย
จะคำนวณร้อยละของผู้ป่วย ที่ได้รับการรักษามาลาเรียชนิด P. vivax ขั้นหายขาด ด้วยยา TQ หรือ PQ
ถูกต้องตามแผนภูมิการรักษาของโครงการฯ
จะมีการนำเสนอผลสรุปทางสถิติเชิงพรรณา ของภาวะโลหิตจางเฉียบพลันจากเม็ดโลหิตแดงแตก (AHA)
ที่มีรายงานทั้งหมด ผู้ป่วย AHA ทุกรายที่ได้รับรายงานสงสัยว่าอาจสัมพันธ์กับยา TQ หรือ PQ จะนำเสนอในรูป
ผลรวมทั้งหมด และแยกตามชนิดยาที่ผู้ป่วยได้รับ แยกตามระดับเอนไซม์ G6PD โดยใช้สถิติเชิงพรรณา บรรยาย
สรุปค่า เหล่านี้: ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มรับยามาลาเรียยาจนเกิดอาการ จำนวนและร้อยละของผู้ป่วยที่เกิด AHA
อย่างน้อย 1 ครั้ง จำนวน AHA ที่เกิดทั้งหมด (และเมื่อคิดเทียบต่อรายผู้ป่วย) อาการและอาการแสดง ผลตรวจ
ต่างๆที่มี ความร้ายแรง การบำบัดรักษา การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และผลลัพธ์ที่ได้
ข. ข้อมูลเจ้าหน้าที่สถานบริการสาธารณสุขที่เข้าร่วมในโครงการฯ
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สถานบริการสาธารณสุขจะนำไปใช้สนับสนุน ในการแปลผลทางสถิติของข้อมูลที่ได้มา
จากผู้ป่วย ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่นี้จะช่วยให้เรามั่นใจในความเหมาะสม ที่นำวิธีการตรวจเอนไซม์ G6PD และการ
ี
ประยุกต์ใช้ที่ถูกต้องมาช่วยเจ้าหน้าที่ ตัดสินใจการสั่งจ่ายยา TQ และ PQ ได้ ข้อมูลดังกล่าวจะมคุณค่ามากในการ
วางแผนยุทธศาสตร์เมื่อจะนำยา TQ ร่วมกับการตรวจ G6PD มาใช้ในวงกว้างในพื้นที่มาลาเรียส่วนอื่น ๆ ของ
ประเทศไทย
10.1.4 การวิเคราะห์ผลในระหว่างดำเนินโครงการฯ
จะทำการวิเคราะห์ผลระหว่างการดำเนินโครงการฯ ภายหลังจากได้รับผู้ป่วยชนิด P. vivax ที่มีอายุ ≥16
ปี ที่สถานบริการสาธารณสุขระดับสูง (โรงพยาบาลชุมชน) ไปแล้ว 40 ราย (ใช้ข้อมูลผู้ป่วยทุกรายที่รับเข้า
โครงการฯ ที่สถานบริการสาธารณสุขระดับสูงในวันที่ตัดยอดรายงาน)
10.2 ความอคติในการศึกษา
โดยทั่วไปพิจารณาว่าโครงการลักษณะนี้อาจมีความอคติได้ 3 แบบ ได้แก่ อคติจากการคัดเลือก จากตัว
ข้อมูล และจากตัวกวน
10.2.1 ความอคติจากการคัดเลือก
ความอคติจากการคัดเลือก คือ มีการบิดเบือนของหลักฐาน หรือข้อมูลซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการเก็บข้อมูล
เพื่อที่จะจำกัดความอคติในการคัดเลือกผู้ป่วย จะสั่งให้ผู้ดำเนินการศึกษา ทำการรับผู้ป่วยทุกรายที่คุณสมบัติเข้า
ตามหลักเกณฑ์ไว้ในโครงการ โดยให้รับผู้ป่วยเรียงตามลำดับ โดยยังไม่ต้องสนใจเรื่องการรักษา สุขภาพของผู้ป่วย
หรือข้อพิจารณาอื่นใด
10.2.2 ความอคติของตัวข้อมูล
ความอคติของตัวข้อมูล เกิดจากความแตกต่างอย่างเป็นระบบ ของวิธีการได้รับข้อมูลจากกลุ่มย่อยต่างๆ
ที่ร่วมโครงการ อาจหมายถึงการที่ผู้ป่วยถูกจัดให้รับยาผิด หรือถูกส่งเข้าไปอยู่ในกลุ่มผลรักษาที่ไม่ถูกต้องจึงมีผล
หน้าที่ 47 จาก 63

