Page 7 - วิจัยในชั้นเรียน-ม.1
P. 7

7




                               2. ตัวเสริมแรงทุติยภูมิ เป็นตัวเสริมแรงที่ต้องผ่านกระบวนการพัฒนาคุณสมบัติของการเป็น
                  ตัวเสริมแรง โดยการนำไปสัมพันธ์กับตัวเสริมแรง โดยการนำไปสัมพันธ์กับตัวเสริมแรงปฐมภูมิ เช่น คำชมเชย

                  เงินหรือตำแหน่งหน้าที่ เป็นต้น

                          1.5 ประเภทของการเสริมแรง

                             สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต (2543 : 172-174) ประเภทของการเสริมแรงแบ่งออกเป็น 5 ประเภท
                               1. ตัวเสริมแรงที่เป็นสิ่งของ เป็นตัวเสริมแรงที่กล่าวได้ว่ามีประสิทธิภาพกับเด็กมากที่สุด

                  เนื่องจากเป็นตัวเสริมแรงที่ประกอบด้วยอาหาร ของที่เสพได้และสิ่งของต่าง ๆ เช่น ขนม บุหรี่ เหล้า ของเล่น

                  เสื้อผ้า น้ำหอม รถยนต์ เป็นต้น ในกรณีของวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ผลในบางกรณี เช่นกัน เช่น กรณีที่ซื้อ
                  ของขวัญให้คู่รักบ่อย ๆ หรือที่บริษัทต่าง ๆ ให้รางวัลพนักงานของตนที่ทำงานได้ดี เป็นต้น

                               2. ตัวเสริมแรงทางสังคม แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ เป็นคำพูดและเป็นการแสดงออกทาง
                  ท่าทาง ได้แก่ การชมเชย การยกย่อง การยิ้ม การเข้าใกล้ หรือการแตะตัวเป็นต้น   ในชีวิตประจำวันของคนเรา

                  นั้นก็มีการให้ และการระงับการให้ตัวเสริมแรงทางสังคมกันอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่น แม่กอดลูกเมื่อลูกแสดง

                  พฤติกรรมที่ตนพอใจ สามีกล่าวชมเชยภรรยาของตนเองเมื่อภรรยา ของตนแต่งตัวได้สวย หรือการที่ครูไม่ให้
                  ความสนใจต่อการที่นักเรียนโต้เถียง เป็นต้น เนื่องจากตัว เสริมแรงทางสังคมนั้นมีอยู่ในสภาพแวดล้อมตาม

                  ธรรมชาติ และค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพในการปรับ พฤติกรรมของบุคคล ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่มีการให้และ

                  ระงับการให้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก การแสดงออกที่เป็นภาษาท่าทาง เช่น การมองหรือการ
                  แสดงออกทางสีหน้าที่ไม่พึงพอใจ การแสดง ดังกล่าวย่อมมีผลต่อการแสดงออกของบุคคล ดังนั้นนักปรับ

                  พฤติกรรมจึงควรจะต้องระวังการ แสดงออกในลักษณะดังกล่าวนี้ด้วย

                               3. ตัวแรงเสริมที่เป็นกิจกรรม ตัวแรงเสริมในลักษณะนี้บางครั้งรู้จักกันในชื่อของหลักการ
                  ของพรีแม็ค (Premack Principle) ซึ่งกล่าวไว้ว่ากิจกรรมหรือพฤติกรรมที่มีความถี่สูง สามารถนำมาใช้

                  เสริมแรงต่อพฤติกรรมการนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบ ๆ ในห้องเรียนของเด็กได้ (Homme et a., 1963) หรือการดู
                  ทีวีอาจจะใช้เป็นตัวเสริมแรง การทำการบ้านของเด็กได้ เป็นต้น Hartje (1973) ได้ทดลองใช้ กิจกรรมในวิชาที่

                  เด็กชอบเรียนมาเสริมแรงการทำกิจกรรมในวิชาที่เด็กไม่ชอบเรียน (ใช้กิจกรรมในวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งเด็กชอบมา
                                                    ั
                  เสริมแรง เมื่อเด็กทำการบ้านในวิชาภาษาองกฤษเสร็จ) ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีมาก

                               4. ตัวเสริมแรงที่เป็นเบี้ยอรรถกร เบี้ยอรรถกรนั้นเป็นตัวเสริมแรงที่จะมีคุณค่าของการเป็นตัว
                  เสริมแรงได้ ต่อมาเมื่อสามารถนำไปแลกเป็นตัวเสริมแรงอื่น ๆ ได้ตัวเสริมแรงที่นำไปแลกได้นั้นเรียกว่า ตัว
                  เสริมแรงสนับสนุน (Back-up Peinforcer) เบี้ยอรรถกรจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นถ้า สามารถนำไปแลกตัว

                  เสริมแรงอื่น ๆ ได้มากกว่า 1 ตัวขึ้นไป เบี้ยอรรถกรนั้นมักจะอยู่ในรูปของเงิน เบี้ย แต้ม ดาว แสตมป์ หรือ

                  คูปอง เป็นต้น ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเบี้ยอรรถกรนั้นจัดได้ว่าเป็นตัว เสริมแรงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดใน

                  การปรับพฤติกรรมของบุคคล
                               5. ตัวเสริมแรงภายใน ตัวเสริมแรงภายในนี้ครอบคลุมถึงความคิดความรู้สึกต่าง ๆ เช่น ความ

                  พึงพอใจ ความสุข หรือความภาคภูมใจ เป็นต้น ซึ่งตัวเสริมแรงภายในนี้จะอธิบายได้ว่าทำไมบุคคลหลายคนจึง
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12