Page 98 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 98

98





               เขตที่ดินแล้วร่วงลงในพนดินทั้งสองข้างปะปนกันจนไม่อาจทราบได้ว่าผลไม้หรือดอกไม้นั้นร่วงหล่น
                                   ื้
                       ้
               จากต้นไมของฝ่ายใด แต่ถาฝ่ายใดนำสืบได้ว่าผลไม้ทหล่นไปนั้น หล่นไปจากต้นของตน เช่น เป็นผลไม้
                                                          ี่
                                     ้
               ต่างประเภทชนิดกัน หรือต้นไม้ของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ออกผลในขณะนั้น เป็นต้น เจ้าของต้นไม้ย่อมมสิทธิ
                                                                                               ี
               ในดอกผลนั้นแต่ผู้เดียวตามมาตรา 1336 เรื่องอำนาจกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์สิน (บัญญัติ สุชีวะ.


               2540 : 201)

                             ทั้งนี้ดอกผลตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1348 นี้ ต้องเป็นดอกผลของต้นไม้ที่หล่นตาม

                                                       ั
               ธรรมชาติ เช่น สุกงอมจนร่วงหล่นเอง หรือลมพดหล่น เป็นต้น แต่ถ้าบุคคลทำให้หล่น เช่น การสอย
               หรือเขย่า ย่อมไม่อยู่ในบังคับแห่งข้อสันนิษฐานตามมาตรานี้ หรือถ้าเป็นดอกผลที่งอกจากต้น เช่น

               หน่อไม้ ก็ไม่อยู่ในบังคับแห่งมาตรานี้เช่นกัน (บัญญัติ  สุชีวะ.  2540 : 201-202)

                         11. ทางจำเป็น

                                                   ื่
                             ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอนล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เจ้าของที่ดิน
               แปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ เรียกว่า สิทธิในทางจำเป็น แต่หากเป็นเพยง
                                                                                                ี
               เจ้าของบ้านถูกที่ดินอนล้อมอยู่ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องทางจำเป็น เช่นนี้อำนาจในการฟองร้องคดีให้
                                                                                        ้
                                  ื่
                                                                      ิ
               เปิดทางจำเป็นจึงเป็นสิทธิของเจ้าของที่ดิน (หม่อมหลวงสุพร อศรเสนา.  2540 : 6) แม้ไม่เป็นผู้
               ครอบครองเพราะให้ผู้อนเช่าที่ดินอยู่ก็ตาม ถ้ามีทางออกแต่ออกยากตามมาตรา 1349 ก็ถือได้ว่าไม่มี
                                   ื่
               ทางออก เช่น ต้องข้ามสระ บึง หรือทะเลหรือมีที่ชันอนระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมาก
                                                             ั
               เป็นต้น

                             ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิที่จะผ่าน เช่น

               อาจทำเป็นทางเดินเท้า ทางรถยนต์ก็ได้ และให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดเท่าที่จะ

               เป็นไปได้ ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุ

               ที่มีทางผ่านนั้น ทำให้ใช้ที่ดินไม่ได้หรืออาจทำให้ราคาที่ดินต่ำลง ทั้งนี้จะกำหนดจ่ายค่าใช้ทางเป็นเงิน

               รายปีก็ได้ ดังนั้น ทางจำเป็นจึงเป็นข้อจำกัดการใช้กรรมสิทธิ์ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย

               ซึ่งไม่ต้องจดทะเบียนตามมาตรา 1338 และเมื่อใช้เป็นทางจำเป็นแล้วก็สามารถนำไปจดทะเบียนเป็น

               ภาระจำยอมได้ (บัญญัติ สุชีวะ. 2540 : 205)

                             หากเป็นกรณีที่ดินเป็นเจ้าของคนเดียวกันแล้วมีการแบ่งแยกจนทำให้ที่ดินแปลงที่อยู่

               ตอนในไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินแบ่งแยกออกจากที่ดินตอนในสามารถออกทางแปลงที่

               แบ่งออกมาได้และไม่ต้องเสียค่าทดแทน ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 1350 ว่า “ถ้าที่ดินแบ่งแยกหรือ
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103