Page 52 - สอนสนุก สร้างสุข สไตล์สาธิตปทุมวัน เล่ม 4
P. 52
âçàÃÕ¹ÊÒ¸ÔµÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÈÃÕ¹¤ÃÔ¹·ÃÇÔâò »·ØÁÇѹ
“ในสมัยก่อนเมื่อข้าพเจ้ายังเล็ก การสอนที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าดี คือ เขาสอนให้เรา
อยากรู้ อยากเห็น อยากดู อยากเรียนไปเสียหมด บางครั้งก็มากเกินไปด้วยซ้ำ
พออยากรู้ อยากเห็น แล้วก็อยากคิด อยากถาม อยากเสนอข้อคิดของตนเองบ้าง
ขณะที่การเรียนในตอนหลังนี้ หลายคนมาบ่นกับข้าพเจ้าว่า เรียนแล้วนักเรียน
อยากได้เพียงเกรดและคะแนนดี ๆ โดยไม่กระตือรือร้นที่จะอยากรู้ หรือค้นคว้า
อะไรเพิ่มเติมเองเลย ข้าพเจ้ายังบอกกับอาจารย์ท่านนั้นว่า สงสัยจะสอนไม่ดี
เองมั้ง ต้องสอนแล้วเขาอยากรู้อยากค้นเพิ่มเติม และเมื่อเรียนแล้วจะต้อง
สามารถที่จะอธิบายความรู้ที่ตนได้รับมา แล้วรวบรวมความคิด เขียน ให้ครูอาจารย์
หรือผู้อื่นทราบได้”
“ครูบางคนมาบอกว่า กลัวหมดความหมายถ้านำระบบใหม่ (การศึกษา
ด้วยเทคโนโลยีการสอนทางไกล) เข้ามาใช้ ข้าพเจ้าคิดว่าหากครูไม่ปรับปรุง
ตนคงหมดความหมายแน่ เพราะระบบการศึกษาเช่นนี้เปนแนวโน้มที่ใช้กัน
ในอนาคต ครูต้องปรับตัวโดยจะต้องอ่านมาก การให้นักเรียนเปนศูนย์กลางนั้น
ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าเปนการให้ครูเปนศูนย์กลางด้วยเช่นกัน ถ้าครูจะเกณฑ์
ให้นักเรียนอ่านโดยครูไม่อ่านนั้นไม่ได้ ครูจะต้องอ่านมากและศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ
ให้มากอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่ความรู้ที่เรียนมาจากวิทยาลัยครูเมื่อ 20-30 ปที่แล้ว
มาฉายซ้ำซากแต่เพียงอย่างเดียว ต้องสามารถแนะเด็กได้ว่า หากต้องรู้เรื่องอะไร
จะไปหาความรู้ได้ที่ไหน...”
“สมัยนี้หาความรู้ทาง Internet ได้ด้วย ครูจึงน่าจะไปตรวจดูก่อน
ว่าเรื่องที่จะกำหนดวางแผนให้พูดในชั้นเรียนนั้นจะมี websites อะไรบ้างที่จะส่งเสริม
การสนทนาในชั่วโมงนั้น...ในการสอนนั้นน่าจะทำให้เด็กออกความคิดได้ โดยไม่ใช่ว่า
ครูเปนผู้ถามนำ แล้วให้เด็กตอบคล้อยตามตนเองแต่เพียงอย่างเดียว”

