Page 211 - ตำราเคมีอินทรีย์ [Jadsada Ratniyom]
P. 211

สเตอริโอเคมี (Stereochemistry)                                                  183




                        ตัวอย่างที่ 4.16 | สมบัติออพติคัลแอกติวิตีของสาร

                        โจทย  ์   ในห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่ง แยกสาร X บริสุทธิ์ออกมาได้ เมื่อทำการวัดค่ามุมระนาบ
                                  แสงโพลาไรซ์ที่เบี่ยงไปได้เท่ากับ +10° ช่องใส่สารตัวอย่างยาว 1 dm ใช้สารตัวอย่าง
                                  ขนาด 1 กรัม ละลายในน้ำ 10 mL จงหา
                                  (a) ค่าการหมุนจำเพาะของสาร X นี้

                                  (b) จุดเดือด จุดหลอมเหลว และค่าการหมุนจำเพาะของสารที่เป็นภาพสะท้อนใน

                                  กระจกของสาร X จะเป็นอย่างไร เมื่อทำการวัดค่าภายใต้สภาวะเดียวกัน

                        วิธีคิด   [a] หาค่า c ในหน่วย g/mL จะได้ 1g/10 mL = 0.1 g/mL จากนั้นแทนค่าลงในสูตร

                                  เพื่อหาค่าการหมุนจำเพาะจะได้
                                                                      +10 o
                                                 
                                                  =         =                    = +100
                                                                      
                                                        l × c   1 dm   0.1 g/mL

                                  [b] เนื่องจากสาร X สามารถเบี่ยงระนาบของแสงโพลาไรซ์ได้ จึงเป็นไครัลโมเลกุล
                                  ดังนั้นโมเลกุลที่เป็นภาพสะท้อนในกระจกของสาร X ก็คือ คู่อิแนนทิโอเมอร์ของสาร X
                                  ท ำให้โมเลกุลที่เป็นภาพสะท้อนในกระจกของสาร X จะมีจุดเดือด จุดหลอมแหลว

                                  เท่ากับสาร X แต่มีค่าการหมุนจำเพาะ เท่ากับ -100°



                                     4.10.1E อิแนนทิโอเมอริกเอคเซส (enantiomeric excess, ee)
                                                             ็
                                                บางกรณีในการสังเคราะห์สารในห้องปฏิบัติการจะให้สารที่เป็นคู่อแนนทิโอ
                                                                                                  ิ
                                                                                                       ี
                       เมอร์ออกมาทั้งสองอิแนนทิโอเมอร์ในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน กล่าวคือ อิแนนทิโอเมอร์หนึ่งมากกว่าอกอ ิ
                       แนนทิโอเมอร์หนึ่ง ค่า อิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซส (enantiomeric excess) ตัวย่อ ee เป็นค่าที่บอก
                                                                                                     ิ
                       ว่าอิแนนทิโอเมอร์ที่เกิดขึ้นนี้มีอยู่เท่าไรในสารผสมเรซิมิก ยกตัวอย่างเช่น ในสารผสมเรซิมิก มีอแนนทิ
                       โอเมอร์ A อยู่ 75% อิแนนทิโอเมอร์ B มีอยู่ 25% ดังนั้นอิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซสเท่ากับ 75% - 25%
                       = 50%ee คำว่า 50%ee นี้หมายความว่า มีอิแนนทิโอเมอร์ A อยู่ 50% อีก 50% เป็นสารผสมเร-

                       ซิมิกของ A และ B แสดงว่าในสารผสมเรซิมิก มี A อยู่ 25% และ B อยู่ 25% เทียบย้อนกลับก็
                       หมายความว่ามีอิแนนทิโอเมอร์ A อยู่ 75% และ B อยู่ 25%
                                            อิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซสนี้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ออพติคัลเพียวริตี (optical
                       purity) เพราะค่าอิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซสสามารถบอกได้ว่าในสารผสมมีอิแนนทิโอเมอร์ A และ B

                       อยู่เท่าใด ซึ่งสามารถคำนวณ ee ได้จากสูตร

                                                           [ ]  mixture
                                                                           
                                               ee =                          100
                                                      [ ]  pure enantiomer
   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216