Page 212 - ตำราเคมีอินทรีย์ [Jadsada Ratniyom]
P. 212

184                                                                เคมีอินทรีย์ (Org. Chem.)



               เมื่อ []mixture คือ ค่าการหมุนจำเพาะของสารผสม และ [] pure enantiomer คือ ค่าการหมุน
               จำเพาะของอิแนนทิโอเมอร์บริสุทธิ์ สามารถพิจารณาการใช้สูตรการหา ee จากตัวอย่างที่ 4.17


                ตัวอย่างที่ 4.17 | อิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซส
                โจทย  ์   อิแนนทิโอเมอร์บริสุทธิ์ของ cholesterol A มีค่าการหมุนจำเพาะเท่ากับ -24° เมื่อทำ

                          การสังเคราะห์ cholesterol A นี้ในห้องปฏิบัติการพบว่า ได้อิแนนทิโอเมอร์ของทั้ง
                          cholesterol A และ cholesterol B ผสมกันอยู่ เมื่อนำสารผสมนี้ไปวัดค่าการหมุน
                          จำเพาะได้ค่า -10° จงหาค่า อิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซส ของสารตัวอย่างนี้


                วิธีคิด   เราสามารถคำนวณ ee ได้จากสูตรที่ให้มา ดังแสดง
                                                        [ ]  mixture
                                                                        
                                             ee =                         100
                                                    [ ]  pure enantiomer
                          แทนค่าแล้วจะได้


                                                      -10
                                                           
                                                 ee =        100 = 42%ee
                                                      -24

                          ดังนั้น ค่าอิแนนทิโอเมอริกเอ็คเซสของสารตัวอย่างนี้มีค่า 42%ee ซึ่งหมายความว่า มี
                          อิแนนทิโอเมอร์ cholesterol A อยู่ 42% ในสารผสมเรซิมิกที่มีทั้ง cholesterol A

                          และ cholesterol B ซึ่งใน 58% ของสารผสมเรซิมิกนั้น มี cholesterol A 29% และ
                          cholesterol B 29% ดังนั้น มีอิแนนทิโอเมอร์ cholesterol A อยู่จริง 42% + 29%
                          = 71%


                      4.10.2 สมบัติกายภาพของไดแอสเตอริโอเมอร์
                                เนื่องด้วยสารที่เป็นไดแอสเตอริโอเมอร์กันนั้น ไม่ใช่ภาพสะท้อนในกระจกซึ่งกันและ

               กัน ทำให้สมบัติทางกายภาพ เช่น จุดเดือด จุดหลอมเหลว จึงต่างกันโดยสิ้นเชิง รวมทั้งคุณสมบัติการ
               หมุนระนาบแสงโพลาไรซ์ของไดแอสเตอริโอเมอร์ก็ต่างกันด้วย ดังจะเห็นได้จากภาพที่ 4.10 ที่มีสเตอริ
               โอไอโซเมอร์ของ tartaric acid อยู่ 3 ตัว คือ A, B, และ C โดยสเตอริโอไอโซเมอร์ A และ B เป็นอ ิ

               แนนทิโอเมอร์กัน และสเตอริโอไอโซเมอร์ของ [A C] [B C] เป็นไดแอสเตอริโอเมอร์กัน จากภาพที่
               4.10 จะพบว่า
                          o  สเตอริโอไอโซเมอร์ A และ B มีสมบัติทางกายภาพเหมือนกัน แต่ค่าการหมุนจำเพาะ
                              มีทิศทางตรงกันข้าม โดยสมบัติทางกายภาพของ A และ B นั้นแตกต่างจาก C โดย

                              สิ้นเชิง
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217