Page 228 - ตำราเคมีอินทรีย์ [Jadsada Ratniyom]
P. 228

200                                                                เคมีอินทรีย์ (Org. Chem.)



                              5.3.3A เรโซแนนซ์ไฮบริด (Resonance hybrids)
                                     โครงสร้างที่แท้จริงของสารที่มีโครงสร้างเรโซแนนซ์นั้นจะเรียกว่า เร
               โซแนนซ์ไฮบริด (resonance hybrid) เมื่อแสดง เรโซแนนซ์ไฮบริดเสมือนเป็นการรวมโครงสร้างเร
                                                            +
               โซแนนซ์เข้าด้วยกัน ดังตัวอย่างเช่น ไอออน [H2CNH2] ที่สามารถเขียนแสดงโครงสร้างเรโซแนนซ์ได้
               มากกว่า 1 โครงสร้าง ดังแสดง











                                                  +
               โครงสร้างที่แท้จริงของไอออน [H2CNH2]  คือ การรวมโครงสร้างเรโซแนนซ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน ใน
               โมเลกุลจริง ๆ ประจุบวกจะกระจายไปทั่วทั้งที่คาร์บอนอะตอมและไนโตรเจนอะตอม โครงสร้างเร-
               โซแนนซ์ด้านซ้ายมีประจุฟอร์มอลอยู่บนคาร์บอนซึ่งไม่ครบออกเตต อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว

               (nonbonding electron) ที่อยู่บนไนโตรเจนอะตอมจะเคลื่อนไปที่พันธะ (แสดงดังลูกศร) ให้
               โครงสร้างเรโซแนนซ์ที่สองถัดมา (โครงสร้างด้านขวา) ที่พันธะระหว่างคาร์บอนและไนโตรเจนเป็น
               พันธะคู่ ประจุบวกย้ายมาอยู่ที่ไนโตรเจนอะตอม ส่งผลให้คาร์บอนมีอเล็กตรอนครบออกเตต การรวม
                                                                        ิ
               โครงสร้างเรโซแนนซ์ทั้งสองโครงสร้างเพื่อแสดงออกมาเป็นรูปเดียว เหมือนการที่ประจุบวกเคลื่อนไป
               มาเร็วมาก ๆ จนตาเราเห็นประจุบวกมีอยู่ทั้งบนอะตอมของคาร์บอนและไนโตรเจน

                            การที่ประจุกระจายไปได้ทั้งสองอะตอมหรือกระจายไปได้ทั่วทั้งโมเลกุล จะทำให้
               โมเลกุลนั้นมีความเสถียรมากกว่าโมเลกุลที่ประจุอยู่นิ่งกับที่ ปรากฏการณ์นี้เราเรียกว่า resonance
               stabilization หรืออาจเรียกแบบเจาะจงลงไปในกรณีของการที่ประจุบวกเคลื่อนไปมาทั้งสองอะตอม

               ดังที่กล่าวข้างต้น จะเรียกว่า resonance stabilized cation
                            ทฤษฎีเรโซแนนซ์มีความสำคัญมากในเคมีอินทรีย์ เราใช้ทฤษฎีเรโซแนนซ์เป็นหลักใน
               การอธิบายปฏิกิริยาและกลไกต่างๆ ของสารอินทรีย์ การทำนายสารผลิตภัณฑ์หลัก ความเป็นกรด-
               เบสของสาร ตัวอย่างเช่น ใช้อธิบายความเป็นกรดของ กรดอะซิติก (acetic acid) ดังแสดง















                                                     +
               โดยเมื่อหมู่คาร์บอกซิลิกแตกตัวให้โปรตอน (H ) จะมีประจุลบเกิดขึ้นบนออกซิเจนอะตอมหมายเลข 1
               เมื่ออิเล็กตรอนคู่หนึ่งเคลื่อน (electron delocalization) ไปที่พันธะเดี่ยว จากนั้นอเล็กตรอนที่อยู่ใน
                                                                                    ิ
   223   224   225   226   227   228   229   230   231   232   233