Page 93 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 93

๗๒


                                          ั
                                                                                     ั
                       พราหมณ์๑๖คนผู้เป็นอนเตวาสิกของพาวรีพราหมณ์และแก่มาณพ๓๐๐คนผู้เป็นอนเตวาสิกของเสลพราหมณ์ฯ
                       พระนาคเสนถวายพระพรว่ามหาบพิตรพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงแสดงพระคุยหะพระองค์ทรงแสดง
                       พระฉายามหาบพิตรพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลด้วยพระฤทธิ์ทรงแสดงผ้านุ่งผ้ารัดกายผ้าห่มเพียง
                                                                       ั
                       รูปเงาฯพระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่าเมื่อเห็นพระฉายาก็เป็นอนเห็นแล้วมิใช่หรือท่านผู้เจริญฯพระนาค
                                             ิ
                       เสนถวายพระพรว่ามหาบพตรข้อนั้นยกไว้สัตว์ผู้จะตรัสรู้เพราะเห็นหทัยรูปพึงดารงอยู่ได้พระสัมมาสัม
                       พทธเจ้าก็จะทรงนาเนื้อพระหทัยออกแสดงฯพระเจ้ามิลินท์ตรัสว่าข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญพระคุณ
                        ุ
                       เจ้าฉลาดมากฯ
                                   ๑๑

                                 มหาเวทัลลสูตรกล่าวถึงพระมหาโกฏฐิกะได้เข้าไปหาพระสารีบุตรได้สนทนกันเรื่องธรรม
                       คือปัญญาความรู้ชัดและวิญญาณความรู้แจ้งเหล่านี้มันคละกันหรือมันแยกกันและก็เราจะแยกธรรม

                       เหล่านี้แล้วบัญญัติให้แตกต่างกันได้ไหมอรรถกถามหาเวทัลลสูตรได้กล่าวเรื่องสิ่งที่ทาได้ยากอะไรที่
                                                                        ั
                       พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระท าแล้วดังข้อความกล่าวอ้างคมภีร์มิลินทปัญหาว่า

                                 “เพราะเหตุนั้นท่านพระนาคเสนจึงกล่าวว่ามหาบพตรพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงท าสิ่งที่
                                                                           ิ
                       ทาได้ยากแล้วพระเจ้ามิลินท์ท่านนาคเสนผู้เจริญสิ่งที่ทาได้ยากอะไรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรง

                       กระทาแล้วพระนาคเสนมหาบพิตรสิ่งที่ท าได้ยากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระท าแล้ว คือข้อที่ทรง

                       บอกการก าหนดสิ่งที่เป็นจิตและสิ่งที่เกิดกับจิตซึ่งไม่มีรูปร่างเป็นไปในอารมณ์อย่างเดียวกันว่า "นี้ คือ
                       สิ่งที่ท าหน้าที่กระทบนี้ คือสิ่งที่ทาหน้าที่รู้สึกนี้ คือสิ่งที่ท าหน้าที่รู้จานี้ คือสิ่งที่ทาหน้าที่จงใจนี้ คือสิ่งที่

                       ท าหน้าที่คด" ฯขนาดคนที่เอาน้ามัน๕ชนิดนี้ คือน้ ามันงาน้ ามันผักกาดน้ ามันมะซาง น้ ามันละหุ่งน้ ามัน
                               ิ
                       เหลวมาใส่รวมในภาชนะเดียวกันแล้วเอาไม้คนคู่มาคนทั้งวันแล้วก็ตักแยกจากกันแต่ละอย่าง ๆว่านี้
                       น้ ามันงานี้น้ามันผักกาดนี้ก็นับว่าท าได้ยากอยู่แล้วนี้ยิ่งท าให้ยากยิ่งกว่านั้นเสียอกเพราะพระผู้มีพระ
                                                                                         ี
                       ภาคเจ้าทรงเป็นพระธรรมราชาพระธรรเมศวรเพราะความที่ทรงแทงทะลุพระสัพพญญุตญาณอย่างดี
                                                                                           ั
                       แล้วตรัสบอกการก าหนดสิ่งหารูปร่างไม่ได้ที่ก าลังเป็นไปในอารมณ์อย่างเดียวกันเหล่านี้ฯพงทราบ
                                                                                                    ึ
                       ความข้อนี้ว่าเหมือนกับการตักน้ ามาแยกเป็นส่วน ๆอย่างนี้ว่านี้เป็นน้ าของแม่น้ าคงคานี้ของแม่น้ ายมุ

                                                                   ๑๒
                       นาในที่ที่แม่น้ าใหญ่ทั้ง๕สายไหลเข้าสู่ทะเลแล้วฉะนั้นฯ
                                 อัสสุตวตาสูตรได้กล่าวถึงตอนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสเรื่อง

                       กายเป็นที่ประชุมภูตทั้ง๔นี้ว่าจิตบ้างมโนบ้างวิญญาณบ้างจิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกดขึ้นดวงหนึ่งดับไป
                                                                                          ิ



                                 ๑๑ มหามกุฎราชวิทยาลัย, พระสูตรและอรรถกถาแปลขุททกนิกายสุตตนิบาตเล่ม๑ภาค๖, พิมพ์ครั้งที่

                       ๔, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๓), หน้า๕๔๖.
                                 ๑๒ มหามกุฎราชวิทยาลัย, พระสูตรและอรรถกถาแปลมัชฌิมนิกายมูลปัณณาสก์เล่ม๑ภาค๓, พิมพ์

                       ครั้งท๔, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๓), หน้า๓๐๖.
                           ี่
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98