Page 19 - โครงงาน เรื่อง การศึกษาและรวบรวมคำโบราณในสมัยอยุธยาเปรียบเทียบกับคำที่ใช้ในปัจจุบันจากละครย้อนยุค
P. 19
๑๑
บ่อยครั้งเพียงใด นอกจากนี้การรับวัฒนธรรม ศาสนา หรือมีอาณาเขตติดต่อกันก็ย่อมทำให้ภาษา
้
เปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากการปนภาษาได และได้อธิบายถึงทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางภาษา
(Rule of Language Change) ตามทฤษฎีของนักภาษาศาสตร์ไว้ดังนี้
๑. การเปลี่ยนแปลงภายใน (Internal Change) การเปลี่ยนแปลงภายใน หมายถึง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง หน่วยคำ หน่วยเสียงของภาษานั้น ๆ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาต ิ
และอิทธิพลของภาษานั้น ๆ ไม่ได้รับอิทธิพลจาก ภาษาอื่นเข้ามาปะปน การเปลี่ยนแปลงภายในของ
ภาษาทั่วไปมี ๓ ลักษณะ ดังนี้
๑.๑ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเสียง (Sound Change) คือ การเปลี่ยนแปลงหน่วย
เสียงของคำให้ต่างไปจากเดิมโดยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม เป็นผลให้คำคำนั้นออกเสียง
เพี้ยนไป ต่างไปจากเสียงเดิมหลายกรณี เช่น
๑.๑.๑ การลดเสียง หรือเสียงกร่อน หรือเสียงหาย
๑.๑.๒ การเพิ่มเสียง
๑.๑.๓ การสับเสียง
๑.๑.๔ การชดเชยเสียง
ี่
การเพิ่มเสียงและการลดเสียง จะพิจารณาถึงหน่วยเสียง สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ ท หายไป
หรือเพิ่มขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงเป็นหน่วยเสียงอื่น ๆ เช่น เสียง /ญ/ นาสิก เหมือนชาวอีสาน
ชาวเหนือออกเสียงคำว่า /ญาก/ /แม่ญิง/ ซึ่งยังคงเสียง /ญ/ นาสิกไว้ แต่คนไทยภาคกลาง
ออก เสียงเป็นเสียงเดียวกับ /ย/
ณัฐวรรณ ชั่งใจ (๒๕๕๕ : ๗๙-๘๕) ได้กล่าวถึงขบวนการเปลี่ยนแปลงภาษาด้าน
เสียงในภาษาไทยมีหลายลักษณะ ดังนี้
๑. การกลมกลืนเสียง คือ การที่เสียงเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมหรือไปตามเสียง
ี
ข้างเคียง หลังจากการเปลี่ยนแปลงเสียงทเปลยนไปจะมีความคล้ายคลึงกับเสยงข้างเคยงใน
ี
ี่
ี่
บางกรณีก็เหมือนกันถ้าเปลี่ยนไปแล้วคล้ายคลึงกันก็เรียกว่า การกลมกลืนละม้าย ถ้า
เปลี่ยนไปแล้วเสียงที่เปลี่ยนเหมือนกับเสียงข้างเคียงทุกประการ เรียกว่า การกลมกลน
ื
สมบูรณ์ เช่น กันไตร เปลยนเสียงเป็น กรรไกร (เป็นขบวนการที่แพร่หลายมากกว่าขบวนการ
ี่
ทางเสียงด้านอื่น ๆ)
๒. การผลักเสียง เป็นขบวนการเปลี่ยนแปลงเสียงที่ตรงข้ามกันกับการกลมกลืนเสยง
ี
กล่าวคือ หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว เสียงที่เปลี่ยนไปจะเหมือนกับเสียงข้างเคียง
น้อยลงหรือกลายเป็นเสียงทต่างออกไปจากเสียงใกล้เคียง การเปลี่ยนแปลงเสียงชนิดนี้ไม่เกิด
ี่

