Page 20 - โครงงาน เรื่อง การศึกษาและรวบรวมคำโบราณในสมัยอยุธยาเปรียบเทียบกับคำที่ใช้ในปัจจุบันจากละครย้อนยุค
P. 20
๑๒
แพร่าหลายเหมือนกับการกลมกลืนเสียงและลักษณะอีกอย่างหนึ่งของการผลักเสียงที่ต่าง
ี
จากการกลมกลืนเสียง คือ มีเสียงบางชนิดเท่านั้นที่เกิดการผลักเสียงได้ เช่น เสียงเหลว เสยง
นาสิก และเสียงประเภทที่เกี่ยวข้องกับเส้นเสียงทั้งหลาย เช่น เสียงช่องคอ เสียงลม
๓. การสับที่เสียง คือ การเปลี่ยนแปลงของเสียงในคำ บางครั้งก็เกิดขึ้นโดยเสียงใน
คำสับเปลี่ยนตำแหน่งกันการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้อาจเกิดเฉพาะกับคำบางกลุ่ม แต่ใน
บางภาษาก็เป็นการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งภาษา หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่มีเสียง ๒ เสียง
ชนิดใดชนิดหนึ่งเกิดร่วมกันในคำ ๆ เดียวจะเกิดการสับที่เสียงกัน เช่น
ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาไทยอีสาน (บางถิ่น)
ตะไกร กะไต
ตะกรุด กะตุด
ตะกร้า กะต้า
จำกัด กำจัด
๔. การลดเสียง (เสียงหาย) คือ การลดเสียง หรือเสียงหายไป หมายถึงการ
เปลี่ยนแปลงทางด้านเสียงของคำ คือเสียงจะหดสั้น หรือหดหาย แต่ความหมายของคำนั้น
ยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงความหมายเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงของความหมาย และ
ู
การเปลี่ยนแปลงทางเสียงนั้น มีขั้นตอนและกระบวนการเปลี่ยนแปลงไม่เกี่ยวเนื่องผกพันกัน
ดร.วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์ ได้อธิบายไว้ในหนังสือภาษาและภาษาศาสตร์ว่า “ในการ
ู
เปลี่ยนแปลงเสียงและความหมายไม่มีความผกพันกัน ความหมายจะเปลี่ยนไปโดยเสยงยังคง
ี
เดิม หรือเสียงอาจจะเปลี่ยนไปโดยความหมายยังคงเดิม” ฉะนั้นในการศึกษาการ
เปลี่ยนแปลงทางเสียงของคำในครั้งนี้ จะยึดความหมายเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา กล่าวคือ
คำใดมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางเสียงแต่ความหมายยังคงเดิมจะนำมาวิเคราะห์ดูว่ามี
กระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีรูปแบบอย่างไร แล้วจัดเป็นกลุ่ม ๆ ที่มีลักษณะการ
เปลี่ยนแปลงทางเสียงเหมือนกัน และอธิบายลักษณะการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ตามแนวของ
ภาษาศาสตร์
จากการศึกษาข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ดูการเปลี่ยนแปลงทางเสียงของภาษาไทย
จะพบว่าคำที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเสียงมาก ได้แก่ กลุ่มคำที่ใช้ในการสื่อสาร สื่อความหมาย
กันในชีวิตประจำวันและโอกาสที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเสียงนั้นเกิดจากการพูด
(ภาษาพูด) ส่วนภาษาเขียนนั้นไม่มีโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ ในขณะที่พูดคน
ั
มักจะปล่อยเสียงออกมาตามสบายแล้วแตลิ้นจะพาไป ไม่ค่อยระวังบังคับให้ออกเสยงชดถ้อย
่
ี

